ตอบคำถามเกี่ยวกับพระอารามหลวง
คุณเทียน วิไลรัตน์ จาก จ.ลำปาง เขียนถามว่า ผมอ่านคอลัมน์ สว่าง ณ กลางใจ มาตลอด
คุณเทียน วิไลรัตน์ จาก จ.ลำปาง เขียนถามว่า ผมอ่านคอลัมน์ สว่าง ณ กลางใจ มาตลอด
โดย...สมาน สุดโต
คุณเทียน วิไลรัตน์ จาก จ.ลำปาง เขียนถามว่า ผมอ่านคอลัมน์ สว่าง ณ กลางใจ มาตลอด ขณะนี้รู้สึกมึนงง สงสัยหลายเรื่อง ขอกรุณาตอบในคอลัมน์ของท่านด้วย
1.เรื่องพระอารามหลวง ไม่ทราบว่ามีกี่ชั้น อะไรบ้าง และจะทราบได้อย่างไรว่าวัดไหนเป็นพระอารามหลวง
2.เรื่องสมณศักดิ์ของพระยิ่งมึนใหญ่ เช่น พระครูปลัด พระครูใบฎีกา พระครูสัญญาบัตรฯ มีที่มาอย่างไร ใครใหญ่กว่าใคร รวมทั้งพระราชาคณะชั้นสามัญ ชั้นราช ชั้นเทพ ชั้นธรรม จนถึงชั้นสมเด็จ กรุณาเรียงลำดับให้ด้วย และพระราชาคณะชั้นสมเด็จเมืองไทยมีกี่รูป ขอนามเรียกทุกรูปด้วย
3.ที่ว่าหลวงพ่อได้เล่าเรียนพระอภิธรรมที่วัดระฆัง จบอภิธรรมเอก อันนี้ยิ่งงงใหญ่ เพราะเคยได้ยินแต่คำว่านักธรรมตรีโทเอก ไม่เคยได้ยินว่าอภิธรรมเอก มันอันเดียวกันหรือเปล่า
ขอบคุณล่วงหน้านะครับ
ตอบคุณเทียน
ขอบคุณครับที่เป็นแฟนอ่านคอลัมน์สว่าง ณ กลางใจ เป็นประจำ สำหรับคำถาม 3 ข้อ ล้วนแต่เป็นคำถามที่สำคัญทั้งสิ้น ผมจึงกราบนมัสการพระธรรมคุณาภรณ์ (พิมพ์ ญาณวีโร ป.ธ. 7 M.A.) รองเจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา ที่เป็นผู้ริเริ่มทำโปรแกรมทำเนียบสมณศักดิ์ลงในคอมพิวเตอร์ และจัดพิมพ์ทำเนียบสมณศักดิ์ฉบับสมบูรณ์ ที่พระเถระที่ได้เลื่อนสมณศักดิ์ต้องนำไปจัดพิมพ์เป็นบรรณาการทุกปี ขอให้ท่านช่วยเฉลยคำถาม แต่เนื่องจากเนื้อที่จำกัด จึงขอเฉลยเรื่องพระอารามหลวงเป็นตอนแรก
ที่ถามว่าพระอารามหลวงมีกี่ชั้น อะไรบ้าง และจะทราบได้อย่างไรว่าวัดไหนเป็นพระอารามหลวง
พระธรรมคุณาภรณ์ (พิมพ์ ญาณวีโร) เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา พระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร และรองเจ้าคณะภาค 7 กล่าวว่า พระอารามหลวงในเมืองไทยแบ่งออกเป็น 3 ชั้นใหญ่ๆ ประกอบด้วย 34 ชนิด คือ
1.พระอารามหลวงชั้นเอก 2.พระอารามหลวงชั้นโท 3.พระอารามหลวงชั้นตรี ในแต่ละชั้นแบ่งแยกย่อยเป็นชนิดมี 3 ชนิด และ 4 ชนิด กล่าวคือ
1.พระอารามหลวงชั้นเอก แบ่งเป็นชั้นเอกพิเศษ หรือเอกอุ เรียกว่าชนิด ราชวรมหาวิหาร
ชั้นเอกชนิด ราชวรวิหาร
และชั้นเอกชนิด วรมหาวิหาร
2.พระอารามหลวงชั้นโท แบ่งเป็นชั้นโทพิเศษ เรียกว่าชนิด ราชวรมหาวิหาร (เหมือนชั้นเอกอุ)
ชั้นโทชนิด ราชวรวิหาร
ชั้นโทชนิด วรมหาวิหาร
ชั้นโทชนิด วรวิหาร
3.พระอารามหลวงชั้นตรี แบ่งเป็นชั้นตรีชนิด ราชวรวิหาร และชนิดสามัญ (ชนิดสามัญไม่มีสร้อยนามต่อท้าย มักเป็นวัดที่ยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงใหม่ๆ)
ปัจจุบันทั่วประเทศมีพระอารามหลวงประมาณ 300 วัด (ตัวเลขนี้เพียงประมาณการ ยังไม่ยืนยัน)
ส่วนการสังเกตว่าวัดไหนเป็นพระอารามหลวงให้สังเกตสร้อยนามหลังชื่อวัดที่มีคำว่า ราชวรมหาวิหาร ราชวรวิหาร วรมหาวิหาร และวรวิหาร
แต่สร้อยนามต่อท้ายทำให้สับสนกับชนิดของพระอารามหลวงได้เช่นกัน เพราะวัดที่เป็นพระอารามหลวงชั้นโท แต่เป็นชั้นโทชนิดพิเศษ จะมีสร้อยว่าราชวรมหาวิหารเหมือนชั้นเอกพิเศษได้เช่นกัน กรณีนี้ได้แก่ วัดชนะสงครามและวัดสระเกศ เป็นพระอารามหลวงชั้นโททั้งคู่ แต่ลงท้ายสร้อยนามด้วยราชวรมหาวิหาร เช่นเดียวกับพระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษ หรือเอกอุ เพราะวัดทั้งสองเป็นชั้นโทพิเศษนั่นเอง
การที่วัดมีฐานะเป็นพระอารามหลวง มีที่มาในเบื้องต้นคือเป็นวัดที่พระราชามหากษัตริย์ หรือพระบรมวงศานุวงศ์ทรงสร้าง หรือทรงสถาปนายกขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ
ในกรณีที่ยกฐานะจากวัดราษฎร์เป็นพระอารามหลวง มีการพิจารณายกกันทุกปี เมื่อมีวัดราษฎร์นั้นๆ มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ที่ประกาศโดยกระทรวงศึกษาธิการ 2518 วัดเช่นนี้เป็นอารามหลวงชนิดสามัญ ไม่มีสร้อยนามต่อท้าย
ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค. 2554 ทางคณะสงฆ์มีมติให้พิจารณายกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นวัดหลวงจำนวน 15 วัด ทั้งวัดฝ่ายมหานิกายและธรรมยุต โดยยกเว้นกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้บางประการ เพราะเป็นการพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ
ในกรณีวัดที่สร้างใหม่ๆ แล้วมีฐานะเป็นพระอารามหลวงทันที ได้แก่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก สร้างเสร็จได้รับการสถาปนาเป็นพระอารามหลวงเป็นกรณีพิเศษ วัดนี้สร้างตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน เพื่อให้เป็นต้นแบบการสร้างวัดแบบเศรษฐกิจพอเพียง
วัดญาณสังวราราม จ.ชลบุรี เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร สร้างขึ้นบนที่ดินที่นายแพทย์ขจร และคุณหญิงนิธิวดี อันตระการ ถวายสมเด็จพระญาณสังวร เพื่อสร้างวัดในพระพุทธศาสนา เมื่อสร้างวัดแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระมหากรุณาธิคุณรับไว้เป็นวัดในพระบรมราชูปถัมภ์และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกวัดญาณสังวรารามเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดวรมหาวิหาร ตั้งแต่ 4 มี.ค. 2531
ชั้นเอกอุ
สำหรับพระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษ หรือเอกอุ ในปัจจุบันมี 6 วัด ได้แก่ 1.วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ชนิดราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามประจำรัชกาลที่ 1 สร้างมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา
2.วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ชนิดราชวรมหาวิหาร สร้างสมัยกรุงศรีอยุธยา และได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล สมเด็จพระอนุชาธิราชในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 เป็นพระอารามที่ประทับสมเด็จพระสังฆราช ของกรุงรัตนโกสินทร์ในยุคต้น จนถึงสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ที่ประทับสมเด็จพระสังฆราชจึงเปลี่ยนไปยังวัดอื่นๆ
3.วัดสุทัศนเทพวราราม ชนิดราชวรมหาวิหาร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 8
4.วัดอรุณราชวราราม ชนิดราชวรมหาวิหาร เป็นวัดประจำพระบรมมหาราชวัง ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 2 นับว่าเป็นพระอารามหลวงชนิดพิเศษเพียงแห่งเดียวที่มีฐานะเป็นพระอารามหลวงชนิดพิเศษที่อยู่ทั้งสองอาณาจักร (ธนบุรีและรัตนโกสินทร์)
5.วัดพระปฐมเจดีย์ ชนิดราชวรมหาวิหาร จ.นครปฐม สร้างตั้งแต่ยุคทวารวดี
และ 6 วัดพระพุทธบาท ชนิดราชวรมหาวิหาร จ.สระบุรี สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
ชั้นเอก-โท-ตรี และสามัญ
พระอารามหลวงชั้นเอก หรือราชวรวิหาร ได้แก่ วัดบวรนิเวศ ชนิดราชวรวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ชนิดราชวรวิหาร เป็นต้น
พระอารามหลวงชั้นโท ยังประกอบด้วยอารามหลวงชั้นโทชนิดพิเศษ หรือชนิดราชวรมหาวิหาร เช่น วัดชนะสงคราม วัดสระเกศ
พระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ได้แก่ วัดปทุมคงคา วัดเทพศิริน…ทราวาส และวัดชัยพฤษมาลา เป็นต้น
พระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร เช่น วัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นต้น
พระอารามหลวงชั้นตรี แบ่งเป็น 3 ระดับเช่นกัน คือ ชั้นตรีชนิดราชวรวิหาร เช่น วัดปทุมวนาราม วัดหนัง วัดกวิศราราม และวัดรัชฎาธิษฐาน เป็นต้น
พระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร เช่น วัดราชนัดดาราม และวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นต้น
พระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ ไม่มีสร้อยท้ายชื่อ เช่น วัดราชสิงขรและวัดบัวขวัญ เป็นต้น
วัดราษฎร์ที่ยกเป็นวัดหลวง จะเป็นเพียงชั้นสามัญ จึงเกือบแยกไม่ออกว่าวัดไหนเป็นวัดราษฎร์ วัดหลวง เพราะหาความแตกต่างยาก จะรู้ได้ตอนได้รับกฐินพระราชทาน เพราะพระอารามหลวงเท่านั้นจะต้องได้รับกฐินพระราชทาน
ร.6 ทรงจัดเกรดวัดหลวง
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายเรื่องพระอารามหลวงไว้ในตำนานพระอารามหลวง ว่าพระอารามหลวงครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีนามปรากฏอยู่ในทำเนียบสมณศักดิ์ของเก่า สังเกตดูเป็นวัดซึ่งพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใดพระองค์หนึ่งได้ทรงสร้าง ฤๅทรงบูรณปฏิสังขรณ์แทบทั้งนั้น
แต่พระอารามหลวงในชั้นกรุงเทพฯ ตำนานกล่าวว่าเป็นวัดของเจ้านายและขุนนางสร้างแล้วถวายเป็นวัดหลวงหลายวัด
พระอารามหลวงในสมัยรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 2 ยังมีน้อย
ถึงรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริว่าพระอารามหลวงในกรุงเทพฯ ยังมีน้อยกว่าครั้งกรุงเก่ามาก ไม่พอแก่ตำแหน่งพระราชาคณะในทำเนียบ จึงทรงสร้างพระอารามขึ้นมาบ้าง ทรงชักชวนอุดหนุนเจ้านายและขุนนางที่มีกำลังพาหนะให้สร้างบ้าง
ถ้าวัดของใครสร้างงดงามดีก็ทรงรับเป็นพระอารามหลวง เพื่อให้เป็นเกียรติยศแก่ผู้สร้างฤๅเป็นผู้ปฏิสังขรณ์วัดนั้นๆ
แต่เดิมนั้นยังไม่มีการจัดแบ่งพระอารามหลวงอย่างเป็นทางการ เพียงแต่จัดแบ่งออกเป็นหลายชั้นตามความรู้สึก หรืออาศัยการคาดเดาตามสถานการณ์ เช่น ดูจากการพระราชทานเทียนพรรษาขี้ผึ้ง หรือดูจากการบรรดาศักดิ์ที่พระราชทานแก่เจ้าพนักงานผู้คุมเลขค่าพระ เป็นต้น
หลังจากนั้น กระทรวงธรรมการร่วมกับกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ได้จัดระเบียบพระอารามหลวงเพื่อประมาณค่าบำรุงวัดหลักจากเลิกเลขวัด แต่ไม่ได้นำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดระเบียบพระอารามหลวง
ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดระเบียบพระอารามหลวงขึ้นอย่างเป็นระบบและได้เป็นแนวปฏิบัติตราบเท่าถึงปัจจุบัน


