posttoday

ทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์และวิปัสสนา

14 กุมภาพันธ์ 2553

โครงการนี้ได้ขยายการสนับสนุนในลักษณะอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อให้ระบบการศึกษาของพระสงฆ์ไทยตลอดจนการเผยแผ่พุทธธรรม เป็นปึกแผ่นยิ่งขึ้นไปในอนาคต

โครงการนี้ได้ขยายการสนับสนุนในลักษณะอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อให้ระบบการศึกษาของพระสงฆ์ไทยตลอดจนการเผยแผ่พุทธธรรม เป็นปึกแผ่นยิ่งขึ้นไปในอนาคต

โดย...สมาน สุดโต

จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย โดยพระราชทานทุนปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2547 เพื่อสนับสนุนพระภิกษุและสามเณรให้มีโอกาสศึกษาพุทธศาสนาขั้นสูงในสถาบันพุทธศาสนาในประเทศ ทั้งมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร) และกองบาลีสนามหลวงนั้น

ต่อมาโครงการนี้ได้ขยายการสนับสนุนในลักษณะอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อให้ระบบการศึกษาของพระสงฆ์ไทยตลอดจนการเผยแผ่พุทธธรรม เป็นปึกแผ่นยิ่งขึ้นไปในอนาคต

ทุนหลวง

ทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์และวิปัสสนา พระพรหมโมลี ถวายเครื่องสักการะสมเด็จพระมหาธีราจารย์เมื่อวันที่ 11 ก.พ.2553 ที่พระอุโบสถวัดชนะสงคราม

ทุนเล่าเรียนหลวงที่พระราชทาน จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการศึกษาเพื่อการลงทะเบียนเรียน ค่าหน่วยกิต ค่าหนังสือตำราเรียน และค่าธรรมเนียมต่างๆ ประกอบด้วย

ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก กำกับดูแลโดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

ทุนการศึกษาระดับเปรียญธรรม 6, 7, 8 และ 9 ประโยค กำกับดูแลโดยกองบาลีสนามหลวง การถวายทุนพระราชทานและดำเนินการเป็นครั้งแรกในปีการศึกษา 2547 โดยคณะกรรมการบริหารโครงการได้จัดสรรทุน 76 ทุน

เพิ่มประเภททุน

ตั้งแต่ปีการศึกษา 2548 เป็นต้นไป โครงการได้เพิ่มประเภททุนขึ้นมา คือ ทุนพระธรรมทูต โครงการพิจารณาถวายทุนพระราชทานแก่หน่วยปฏิบัติการพระธรรมทูตที่มี|ผลงานดีเด่นสายละ 1 ทุน รวม 9 ทุน ทุนละ 2 หมื่นบาท โดยมีกองงานพระธรรมทูตเป็นผู้กำกับดูแล
ทุนสำนักเรียน โครงการได้พิจารณาถวายทุนพระราชทานแก่สำนักเรียน และสำนักศาสนศึกษาที่จัดการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณร ที่จะเข้าสอบเปรียญธรรม หรือศึกษาต่อด้านพระพุทธศาสนา ที่มีผลงานดีเด่นในแต่ละเขตปกครองคณะสงฆ์ รวม 5 ทุน ทุนละ 3 หมื่นบาท

ทุนปี 2552

สำหรับทุนเล่าเรียนหลวงประจำปีการศึกษา 2552 ประกอบด้วย 1.ทุนเล่าเรียนหลวงภายใต้การกำกับดูแลกองบาลีสนามหลวง 81 ทุน รวมเป็นเงิน 8.7 แสนบาท 2.ทุนเล่าเรียนหลวงภายใต้การกำกับดูแลของมจร 241 ทุน รวมเป็นเงิน 1,812,000 บาท 3.ทุนเล่าเรียนหลวงภายใต้การกำกับของมมร 47 ทุน รวมเป็นเงิน 4.46 แสนบาท

4.ทุนเล่าเรียนหลวงภายใต้กำกับดูแลของกองงานพระธรรมทูต 9 ทุน เป็นเงิน 1.8 แสนบาท

5.ทุนสนับสนุนคณะสงฆ์ในการผลิตบุคลากรวิปัสสนาจารย์ ระดับประกาศนียบัตร และระดับปริญญาโท โดยถวายทุนผ่านคณะกรรมการ|เผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ 3,075 ทุน เป็นเงิน 6.75 ล้านบาท

รวมทุนเล่าเรียนหลวงประจำปี 2552 ทั้งหมด 3,453 ทุน รวมเป็นเงินจำนวน 10,508,000 บาท

คณะสงฆ์สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

พระพรหมโมลี (สมศักดิ์ ป.ธ.9 Ph.D) เจ้าคณะภาค 1 เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2552 ว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย โดยพระองค์ทรงเป็นประธานกิตติมศักดิ์ พล.อ.อ.|กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี เป็นประธานกรรมการ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคมเป็นที่ปรึกษา เพื่อถวายทุนให้แก่พระสงฆ์ไทยที่กำลังศึกษาในส่วนการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลี ตั้งแต่ประโยค 7 เป็นต้นไปถึงประโยค 9 และพระที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่ง ทั้งมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นเวลา 6 ปีแล้ว

ทุนพระวิปัสสนาจารย์

ทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์และวิปัสสนา พระพรหมโมลี

ในปี 2552 โครงการนี้สนับสนุนส่งเสริมให้ทุนเพื่อฝึกอบรมพระสงฆ์เพื่อให้เป็นพระวิปัสสนาจารย์ที่จะไปประจำสำนักปฏิบัติธรรมต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศอีก 2 โครงการ คือ

โครงการที่ 1 อบรมพระเพื่อเป็นวิปัสสนาจารย์ระดับประกาศนียบัตรปีละ 600 ทุน ทุนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี รวม 3,000 ทุน
โครงการที่ 2 มอบทุนให้พระนิสิตกำลังศึกษาปริญญาโท สาขาวิปัสสนาภาวนา ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตพุทธโฆส ปีละ 25 ทุน เป็นเวลา 3 ปี รวม 75 ทุน

ทุนทั้งสองประเภท ทั้งในส่วนประกาศนียบัตรและปริญญาโท ได้ถวายพระพรหมโมลี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติแล้ว

พระพรหมโมลี เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานได้แบ่งเป็น 2 ส่วน

ส่วนที่ 1 อบรมพระสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย จำนวน 480 รูป ส่วนที่ 2 แบ่งให้ธรรมยุต 120 รูป

ส่วนมหานิกายได้มีการจัดการให้เขตปกครองสงฆ์ที่แบ่งออกเป็นหนต่าง ประกอบด้วย หนกลาง หนตะวันออก หนเหนือ และหนใต้ นำไปบริหารจัดการในระยะยาว แต่ในระยะต้นคือ 1 ปี หรือ 2 ปีแรก ซึ่งเป็นโครงการนำร่องให้รวมไปฝึกที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมพระธรรมโมลี ที่ปากช่อง จ.นครราชสีมา

เมื่อผ่านระยะที่ 1 ที่ 2 แล้ว จะกระจายการอบรมไปให้หนนั้นๆ รับผิดชอบต่อไป

หลักสูตรประกาศนียบัตรที่เป็นของมหาจุฬาฯ นั้น มีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ พระที่เรียนจบทั้งสองภาคจะได้รับวุฒิเป็นประกาศนียบัตรเทียบเท่า ม.6 สามารถนำไปใช้ศึกษาต่อระดับปริญญาตรีได้ แต่ทั้งนี้ต้องผ่านภาคบังคับคือ การปฏิบัติ 3 เดือนติดต่อกัน เพราะว่าการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้นต้องใช้เวลาจึงจะคล่องพอเอาไปสอนต่อได้

ท่านเล่าว่า ทุนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานพระวิปัสสนาจารย์ครั้งแรกนั้น ได้พระที่รับทุนจำนวน 120 รูป ทั้งหมดกำลังอบรมที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมพระธรรมโมลี ปากช่อง

หาพระเข้าอบรมยาก

เมื่อถามว่า พระที่มีคุณสมบัติเข้าอบรมวิปัสสนาจารย์ หายากหรือไม่? ท่านตอบว่า ค่อนข้างจะยาก เพราะว่าเคยได้ยินพระพูดกับหูว่า 3 เดือนนั้นนานเกินไป

ทั้งๆ ที่ 3 เดือนไม่นาน เพราะในการปฏิบัติเพื่อหวังผล พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในมหาสติปัฏฐานสูตรว่า ถ้าบุคคลนั้นเป็นติเหตุกะ มีเหตุ 3 พร้อมบริบูรณ์ที่เราเรียกว่าบารมี เป็นบุคคลที่ไม่มีโลภะ ไม่มีโทสะ ไม่มีโมหะ เป็นติเหตุกะบุคคล พวกนี้ปฏิบัติแล้วได้บรรลุธรรมไว อย่างเร่งด่วนก็ไม่ต่ำกว่า 7 วัน แต่อย่างช้าก็ไม่เกิน 7 ปี เพราะฉะนั้น 3 เดือนสำหรับผู้ที่จะเป็นครูอาจารย์นั้นน้อยมาก หากคิดถึงระยะเวลาแห่งชีวิต

สมมติว่าชีวิตเราอยู่ในวัย 30 ปี เราเสียเวลาเพียง 3 เดือน หรือ 90 วัน แต่เราจะมีชีวิตต่อไปอีกนานอาจถึง 80 ปี ช่วงเวลาของอายุ 30-80 ปี หรือ 50 ปีนั้น จะมีประโยชน์ต่อสังคมมหาศาล ทั้งๆ ที่เราใช้เวลาฝึกอบรมเพียง 90 วัน หรือ 3 เดือนเท่านั้น

พูดแล้วเหมือนตำหนิพระที่อ้างสารพัดแล้วไม่ต้องการปฏิบัติ เพราะท่านทั้งหลายนั้นไม่เคยฝึก ไม่เคยอบรมมาแต่ต้น ไม่เคยชินกับกิจวัตรเหล่านั้น เมื่อมานั่งในอิริยาบถซ้ำซาก จึงเกิดความเบื่อหน่าย

ทั้งๆ ที่การฝึกอบรมจะเกิดผลดีกับผู้ปฏิบัติ เพราะวัตถุประสงค์การบวชในพระพุทธศาสนา คือ บรรลุมรรคผลนิพพาน

การจะบรรลุนิพพานได้ต้องเกิดจากการปฏิบัติเท่านั้น การปฏิบัติที่แท้จริงได้แก่ สมถะ และวิปัสสนา ซึ่งเป็นชีวิตของพระจริงๆ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ธมฺมราโม ธมฺมรโต ธมฺมอนุวิจินฺตยํ ธมฺมํ อนุสฺสรํ ภิกขุ สทฺธมฺมา น ปริหายติ แปลว่า ภิกษุผู้มีธรรมเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในธรรม หมั่นตรึกถึงธรรมหมั่น ระลึกถึงธรรมย่อมไม่เสื่อมจากพระสัทธรรม

คำว่าธรรมะในที่นี้หมายถึงสมถะและวิปัสสนา ก็หมายถึงว่าการปฏิบัติวิปัสสนา หรือสมถภาวนาเป็นชีวิตของพระ หากปฏิบัติไม่เสื่อมจากสัทธรรม ไม่เสื่อมจากมรรคผลนิพพาน ไม่ปฏิบัติก็ไม่ได้ ไม่ได้ก็ยังจะเสื่อมอีก เป็นผลเฉพาะตัว

มนต์เรียกคน

พูดถึงส่วนรวม พระที่รับการฝึกอบรมเหล่านี้จะไปประจำสำนักปฏิบัติธรรมที่มีอยู่ทั่วประเทศ 1,050 กว่าสำนัก เพื่อจะได้สอนธรรม นำปฏิบัติแก่ผู้สนใจ

ท่านบอกว่า การให้มีการปฏิบัติวิปัสสนาในสำนักนั้น ถ้าพูดในทางอิทธิปาฏิหาริย์ เป็นเหมือนมนต์เรียกคนเข้าวัด ไปดูได้ที่วัดพิชยญาติการาม ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันพระ จะมีคนมาปฏิบัติธรรมจำนวนมาก

ท่านเล่าถึงความนิยมเข้าวัดปฏิบัติธรรมว่า ปัจจุบันประชาชนสนใจมาก ขนาดห้างร้าน โรงแรม หรือรีสอร์ต เปิดปฏิบัติธรรมกันมาก คล้ายกับว่าแย่งพระ (ทำงาน) กันแล้ว

เหตุการณ์เหล่านี้ ถ้าหากพระไม่พยายามปรับปรุงแก้ไข คนก็จะไปอยู่ตามห้างร้านค้าเพื่อปฏิบัติธรรม แท้จริงการเข้าไปในสถานที่เช่นนั้น อาจไม่ใช่ทางได้มรรคผลนิพพาน อาจไปติดสุขก็ได้ เพราะสำนักเหล่านั้นล้วนแต่บำรุงบำเรอดีๆ ทั้งนั้นเลยไม่เห็นทุกข์ แต่เป็นเคหหิตสุข สุขที่อาศัยเรือนอยู่

ถ้าหากเราจัดวัดให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรม เป็นการปลีกกายออกมา หรือที่เรียกว่า กายวิเวก จะได้ผลอีกแบบหนึ่ง ตรงตามพุทธประสงค์
เมื่อฝึกหัดทางจิตใจก็กลายเป็นจิตวิเวกทำจิตให้สงบ เมื่อถึงระดับสูงคือ อุปธิวิเวก คือ สงบกิเลส

พระพรหมโมลี ในฐานะประธานคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ บอกว่า ในอนาคตจะให้วัดพิชยญาติการามที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสเป็นศูนย์ใหญ่แห่งการอบรมวิปัสสนา กิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องจะจัดที่วัดนี้

 

ข่าวล่าสุด

นายกฯ ลั่นยึดพื้นที่คืนแล้ว ปัดใช้คนกลาง สั่ง กต.แจงอาเซียน