posttoday

สมการผิวพัง : สุขภาพผิว + ความเครียด = ผิวเครียด

05 กันยายน 2564

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เตือนระวังเรื่อง “ความเครียด” ภัยเงียบใกล้ตัวที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพผิว พร้อมแนะทางออกสำหรับรับมือกับอาการผิวเครียด

สมการผิวพัง : สุขภาพผิว + ความเครียด = ผิวเครียด

โควิด-19 ทำให้หลายคนต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต รวมถึงต้องทำงานที่บ้าน (Work from home) ส่งผลให้มีระยะเวลาในการทำงานยาวนานขึ้นกว่าปกติ จนทำให้ไม่สามารถแยกแยะสถานที่ทำงานออกจากบ้านได้ ทำให้เกิดความเหนื่อยล้าและความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิวซึ่งแสดงออกมาในรูปแบบของอาการ “ผิวเครียด” แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ‘ธัญ’ (THANN) คำนึงถึงความกังวลดังกล่าวจึงได้เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แพทย์หญิงอวิกา รงค์ทอง มา ‘แนะนำ “ความเครียด” ภัยเงียบใกล้ตัวที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพผิว พร้อมแนะแนวทางรับมือกับอาการผิวเครียด’

สมการผิวพัง : สุขภาพผิว + ความเครียด = ผิวเครียด

แพทย์หญิงอวิกา รงค์ทอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังได้กล่าวถึงผลกระทบของความเครียดที่ส่งผลกระทบต่อผิว รวมถึงวิธีการรับมือกับอาการผิวเครียดว่า “อาการ ‘ผิวเครียด’ เป็นโรคทางจิตวิทยาผิวหนัง (Psychodermatology) เกิดจากสภาวะของจิตใจหรือความเครียดที่ส่งผลโดยตรงต่อสภาพของผิวพรรณ คนส่วนใหญ่มักคิดว่าเป็นอาการหนึ่งของโรค “ภูมิแพ้” ซึ่งรักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย เพราะต้นตอของอาการนั้นมาจาก “ความเครียด” โดยสามารถอธิบายได้อย่างง่ายๆ คือ ความเครียดไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่เรารู้จักกันในนามของ “ฮอร์โมนแห่งความเครียด” ออกมามากกว่าปกติ ทำให้ร่างกายเสียสมดุล ส่งผลเสียต่อกระบวนการทำงานของร่างกายและผิวพรรณ ทำให้ผิวหนังเกิดเป็นผื่น ระคายเคือง เป็นสิว ติดเชื้อได้ง่าย

นอกจากนี้ ฮอร์โมนความเครียดยังไปกระตุ้นการหลั่ง ‘เมลาโนไซด์ สติมูเลติง ฮอร์โมน’ (Melanicyte Stimulating Hormone หรือ MSH) ซึ่งส่งผลต่อการสร้างเม็ดสี (Melanin) ทำให้หน้าหมองคล้ำ ฝ้า กระ เข้มขึ้นได้ ดังคำโบราณบอกว่าหน้าดำคร่ำเครียด อีกทั้งยังส่งผลยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนแห่งความหนุ่มสาวหรือ ‘โกรทฮอร์โมน’ (Growth Hormone) ทำให้ผิวเกิดความแห้งกร้าน สิว ริ้วรอยก่อนวัยและความหย่อนคล้อยได้ อาการ “ผิวเครียด” หากยิ่งสะสมเป็นเวลานานมากเท่าไหร่ ก็จะเกิดปัญหาผิวต่างๆ ตามมามากขึ้นเท่านั้น หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกวิธี

สมการผิวพัง : สุขภาพผิว + ความเครียด = ผิวเครียด

แนวทางสำหรับรับมือกับอาการผิวเครียด เริ่มจากการดูแลตัวเองจากภายในนั่นคือ พยายามลดความเครียด หรือออกห่างจากสิ่งที่ทำให้เครียด หาวิธีการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ เช่น การใช้กลิ่นหอมบำบัด ดนตรีบำบัด สวดมนต์นั่งสมาธิ ออกกำลังกายเบาๆ อย่างโยคะ พิลาทิส เต้นรำ หากิจกรรมที่ชื่นชอบ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ร้องคาราโอเกะ ดูแลอาหารการกิน เลือกอาหารที่มีประโยชน์เน้นกลุ่มโปรตีน และไขมันดี อย่างเช่น โอเมก้า 3, น้ำมันมะกอก, ไขมันจากถั่ว เพราะเป็นสารอาหารที่จำเป็นในการสร้างฮอร์โมนต้านความเครียด รวมถึงอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ หลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง ส่วนการดูแลตัวเองจากภายนอก ควรให้ความสำคัญการดูแลผิวเพิ่มเติมจากขั้นตอนปกติ เช่น การกระชับรูขุมขนและคืนความสมดุลของผิวด้วยแอสตริเจนต์ โทนเนอร์, การเติมเต็มความชุ่มชื้นสู่ผิวด้วยไฮเดรติ้ง อิมัลชั่น, การปกป้องผิวจากริ้วรอยและความหย่อนคล้อยแห่งวัยด้วยเฟเชียล เซรั่ม และการคืนความกระจ่างใสสู่ผิวด้วย รีไวทอลไลซิ่ง เฟซ มาส์ก อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพียงเท่านี้ก็สามารถดูแลผิวให้มีสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติได้”

สมการผิวพัง : สุขภาพผิว + ความเครียด = ผิวเครียด

ด้านเซเลบริตี้ต่างร่วมทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม ‘ชิโซะ คอลเลกชั่น’ (Shiso Collection) พร้อมเผยเคล็ดลับการดูแลสุขภาพผิวตามแบบฉบับตนเองเริ่มที่ พัณณิตา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เล่าว่า “การที่ต้องเวิร์คฟอร์มโฮมเป็นอะไรที่เราต้องปรับตัวเยอะพอสมควร ทำให้เราต้องมาจัดมุมสำหรับนั่งทำงานใหม่ภายในบ้าน เพื่อให้เอื้อประโยชน์ต่อการทำงาน งานจะได้ออกมาดีมีประสิทธิภาพมากที่สุด ยอมรับเลยว่าหลายครั้งก็ต้องพบเจอปัญหาหรืออุปสรรค์ในการทำงานที่ทำให้เราเกิดความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว รู้สึกว่านอนไม่พอ ตื่นเช้ามาส่องกระจกพบว่าผิวเริ่มหมองคล้ำ ดูไม่สดใส ดังนั้นเราจึงจัดการตัวเองใหม่ด้วยการหาวิธีผ่อนคลายความเครียดด้วยการออกกำลังกาย แบ่งเวลาพักผ่อนอยู่กับธรรมชาติ เพื่อให้รู้สึกดีขึ้น รวมถึงเน้นความสำคัญเรื่องการดูแลผิวพรรณให้กลับมาสดใสมีชีวิตชีวา ซึ่งขั้นตอนการดูแลนั้นก็ไม่ยุ่งยาก โดยเราจะเช็ดทำความสะอาดผิวหลังการล้างหน้าด้วยแอสตริเจนต์ โทนเนอร์ เพื่อกระชับรูขุมขนและปรับสภาพผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุงจากนั้นก็จะฟื้นฟูสภาพผิวด้วยเฟเชียล เซรั่ม เพื่อป้องกันการเกิดความหย่อนคล้อยและริ้วรอยก่อนวัย และเราก็จะมาส์กหน้าด้วย ไวทอลไลซิ่ง เฟซ มาส์ก สัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้ผิวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ”

สมการผิวพัง : สุขภาพผิว + ความเครียด = ผิวเครียด

ถัดมาที่ ชวมณฑ์ ปวโรดม เผยว่า “ช่วงนี้เราต้องเวิร์คฟอร์มโฮมทำให้การจัดสรรเวลาไม่ค่อยลงตัวนัก เพราะเราอดไม่ได้ที่จะเก็บเอาเรื่องงานมาคิดในช่วงเวลาที่เราต้องพักผ่อน ร่างกายจึงเกิดความเหนื่อยล้า และรู้สึกว่าพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้เกิดความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว ซึ่งความเครียดสะสมที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่จะกระทบต่อจิตใจอย่างเดียว แต่ยังส่งผลต่อผิวพรรณอย่างเห็นได้ชัด เช่น ผิวหมองคล้ำและแห้งอีกด้วย เมื่อมานั่งวิเคราะห์ดูถึงสาเหตุจึงรู้ว่าเราจำเป็นต้องหมั่นสังเกตสภาวะร่างกายและจิตใจของเราทุกวันว่าเป็นอย่างไร หากเริ่มอ่อนล้า หรือเครียด เราก็จะเปลี่ยนอิริยาบถด้วยการหากิจกรรมที่ชื่นชอบอย่างงานศิลปะทำเพื่อผ่อนคลายความเครียด ควบคู่กับการดูแลสุขภาพผิว โดยเราจะให้ความสำคัญกับขั้นตอนการทำความสะอาดและปรับสภาพผิวหน้าหลังการล้างด้วยการใช้แอสตริเจนต์ โทนเนอร์ เพื่อขจัดการกับสิ่งสกปรกตกค้างและกระชับรูขุมขน ซึ่งเราก็มีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ อย่างการแช่โทนเนอร์ในตู้เย็น เมื่อเวลานำออกมาใช้ก็จะรู้สึกว่าผิวเย็นสดชื่นได้ทันที รวมถึงการบำรุงผิวด้วยเฟเชียล เซรั่ม เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยก่อนวัย”

สมการผิวพัง : สุขภาพผิว + ความเครียด = ผิวเครียด

ปิดท้ายที่ กนกรส กิตติขจร เล่าว่า “ปกติแล้วเราเป็นคนที่มีไลฟ์สไตล์ที่ชอบออกไปพบปะผู้คน ชอบที่จะออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านตลอดเวลา แต่ด้วยสถานการณ์ในขณะนี้ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตมาอยู่ภายในบ้าน งดกิจกรรมนอกบ้าน ทำให้ต้องอยู่ในบรรยากาศเดิมๆ หลายครั้งก็รู้สึกเบื่อหน่าย ขาดแรงบันดาลใจ และเกิดความเครียดสะสม ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกับสุขภาพผิวทำให้เกิดผิวหมองคล้ำ โดยเฉพาะบริเวณใต้ดวงตาคล้ำ รวมถึงการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ช่วงนี้เราจึงต้องดูแลเรื่องอารมณ์มากเป็นพิเศษ พยายามที่จะไม่เครียดและหากิจกรรมเพื่อสร้างความผ่อนคลายด้วยการเล่นกับสัตว์เลี้ยง ใส่ใจเรื่องอาหารการกิน ดื่มน้ำวันละ 3 ลิตร ดูแลเรื่องระบบขับถ่าย รวมถึงการดูแลสุขภาพผิวหลังการล้างหน้าด้วยแอสตริเจนต์ โทนเนอร์ และเพิ่มความชุ่มชื้นสู่ผิวด้วย ไฮเดรติ้ง อิมัลชั่น โดยก่อนนอนเราจะมาส์กหน้าด้วย ไวทอลไลซิ่ง เฟซ มาส์ก เพื่อคืนความกระจ่างใสให้กับผิว เวลาที่ตื่นมาผิวจะได้อิ่มน้ำดูสดใส”