posttoday

ปัญหาคาบ้าน "เมื่อพ่อแม่ต้องทำงาน vs ลูกต้องเรียนออนไลน์"

01 กันยายน 2564

เคล็ดลับจัดการงานให้ดีในแบบวิถีที่ลูกต้องเรียนออนไลน์ "เมื่อพ่อแม่ต้องทำงาน vs ลูกต้องเรียนออนไลน์" จะบาลานซ์ทั้งเรื่องงานและการเรียนให้เสถียรได้อย่างไร

ปัญหาที่หลายบ้านกำลังเจอในสถานการณ์แบบนี้คือ การเรียนออนไลน์ที่เข้ามามีบทบาทในแบบที่ทุกคนอาจไม่ทันตั้งตัว ยิ่งต้องเจอกับเชื้อไวรัสโควิด-19 จนต้องมีมาตรการเว้นระยะห่างออกมามากมาย ทำให้เด็ก ๆ ต้องเรียนออนไลน์ที่บ้าน ส่งผลให้คุณพ่อคุณแม่อาจต้องเหนื่อยมากขึ้น ผู้ปกครองส่วนใหญ่ต้องทำงาน ทำให้ไม่มีสมาธิในการทำงาน เพราะต้องสอนการบ้านลูก ต้องคอยดูแลระหว่างที่ลูกเรียน ทำให้โฟกัสกับการทำงานได้น้อยลง ไหนจะมีเรื่องของงานบ้าน ที่ต้องแบ่งช่วงเวลาไหนต้องทำงาน ช่วงเวลาไหนพักผ่อน รวมไปถึงต้องเตรียมตัว เตรียมอุปกรณ์ เพื่อให้ลูก เรียนออนไลน์ ได้อย่างไม่ติดขัด กลายเป็นว่าผู้ปกครองต้องกลายเป็นครูผู้ช่วยไปทันที หากไม่มีวิธีการจัดการกับเวลาที่ดีอาจทำให้หลายคนเกิดความเครียดสะสมได้

ปัญหาคาบ้าน "เมื่อพ่อแม่ต้องทำงาน vs ลูกต้องเรียนออนไลน์"

คุณพ่อคุณแม่ที่ต้อง Work from home ไปพร้อมกับการดูแลลูกที่ เรียนออนไลน์ หากกำลังมองหาวิธีการจัดการกับสถานการณ์แบบนี้เพื่อให้งานออกมาดี ลูกก็เรียนอย่างมีความสุข ตัวเราเองก็ไม่เครียด  มีเคล็ดลับในการจัดการงานให้ดีในวันที่ลูกต้องเรียนออนไลน์จาก JobsDB มาฝากกัน

เตรียมอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสารให้พร้อม

เนื่องจากแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ไม่สามารถใช้แค่หนังสือเล่มเดียวแล้วจบได้ เพราะต้องมีทั้งคอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ด หูฟัง ไมค์  อินเทอร์เน็ต และโปรแกรมต่าง ๆ สำหรับการเรียนในชั้นเรียน ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ไม่เตรียมพร้อมให้ดี อาจทำให้เสียเวลาทั้งวันเพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ จนตัวเองไม่สามารถทำงานต่อได้ และลูกก็อาจเข้าชั้นเรียนไม่ทันตามเวลาอีกด้วย

สร้างความสมดุลของเวลา

หากไม่มีการจัดสรรเวลาก่อนล่วงหน้าจะทำให้ไม่สามารถแบ่งเวลาได้ ว่าเวลาไหนต้องทำงาน เวลาไหนต้องดูลูก อาจส่งผลให้ในหนึ่งวันผ่านไปด้วยความวุ่นวายแน่นอน การแบ่งช่วงเวลาไว้อย่างชัดเจนจะช่วยให้เราสามารถดำเนินตามแผนที่วางไว้ได้ โดยเริ่มจากการจัดวางตารางเวลางานของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก หากอยากช่วยลูกทบทวนบทเรียนที่เขาไม่เข้าใจให้ศึกษาตารางสอน / แผนการเรียนของลูกล่วงหน้าเพื่อจัดการตารางงานให้สมดุลกัน แต่จะวางแผนแค่สองเวลานี้คงไม่ได้ เพราะต้องจัดสรรเวลาในการทำกิจกรรมอื่น ๆ ไว้ด้วยเช่นกัน และเวลาสำคัญที่ไม่ควรลืมเลย คือ เวลาพักเบรคของตัวเอง ในระหว่างวันอาจแบ่งเวลาในการพักเบรคเพื่อยืดเส้นยืดสาย ลุกไปดื่มน้ำ เพื่อเป็นการผ่อนคลายให้กับตัวเองด้วย

บันทึกวีดีโอการสอนเพื่อเปิดดูภายหลัง

การบันทึกวีดีโอการสอนของลูกเอาไว้เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีมากเช่นกัน เพราะช่วงเวลาที่เราต้องตั้งใจและวุ่นวายกับการทำงานอาจทำให้ตัวเราเองไม่มีเวลาช่วยอธิบายสิ่งที่ลูกไม่เข้าใจในขณะเรียนได้ การบันทึกวีดีโอแล้วนำกลับมาเปิดอีกครั้ง ช่วยให้ลูกสามารถย้อนดูเนื้อหา และทำความเข้าใจในบทเรียนพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่อีกครั้งได้

แบ่งมุมทำงานและมุมเรียนให้ชัดเจน

ควรแบ่งพื้นที่ของแต่ละคนให้ชัดเจน เพื่อเป็นการสร้างสมาธิให้กันและกัน สำหรับมุมทำงานของคุณพ่อคุณแม่ควรจัดให้ใกล้กับหน้าต่างจะดีที่สุด หากต้องทำงานนานและต้องใช้ความคิดตลอดเวลา การได้มองต้นไม้หรือท้องฟ้าจะช่วยให้สมองโล่ง และคิดงานต่อได้ ส่วนมุมสำหรับ เรียนออนไลน์ ของลูกก็สามารถจัดให้อยู่ห่างจากมุมโต๊ะที่ติดหน้าต่างของเราได้เลย สำหรับเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถปล่อยความรับผิดชอบให้ดูแลด้วยตัวเองได้  โต๊ะเรียนควรจัดให้อยู่ห่างออกไปจากโต๊ะทำงานในแบบที่สามารถมองเห็นได้ แต่ต้องเป็นระยะห่างที่พอดีเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนต่อการทำงาน

ใช้แอปพลิเคชันช่วยโฟกัส

หากต้องทำงานหรือเรียนเป็นระยะเวลานานอาจทำให้เราสามารถหลุดโฟกัสได้ การมีแอปพลิเคชันเข้ามาช่วยอาจทำให้เรามีสมาธิมากขึ้นได้

สำหรับคุณพ่อคุณแม่

Coffitivity : แอปพลิเคชันจำลองบรรยากาศเสียงร้านกาแฟที่มีให้เลือกหลากหลายสไตล์ หลายคนที่ชินกับการทำงานในร้านกาแฟ ถือว่าแอปพลิเคชันนี้ตอบโจทย์มากเลยทีเดียว เพราะเราสามารถเลือกได้ทั้งเสียงร้านกาแฟตอนเช้าที่มีคนเดินเข้าบ่อย ๆ หรือเสียงคนพูดคุยกันตามสไตล์เหมือนอยู่ในร้านกาแฟก็สามารถเลือกได้ ผลวิจัยยังบอกอีกว่า การได้ฟังเสียงในร้านกาแฟมีส่วนช่วยกระตุ้นให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยสถานการณ์ที่ออกไปนั่งทำงานที่ร้านกาแฟไม่ได้ ก็จำลองเสียงแล้วจิบกาแฟตามไปก่อนได้ แต่หากใครที่ชอบทำงานแบบใช้สมาธิเงียบ ๆ แอปพลิเคชันนี้อาจยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่นัก

ปัญหาคาบ้าน "เมื่อพ่อแม่ต้องทำงาน vs ลูกต้องเรียนออนไลน์"

สำหรับลูก / คุณพ่อคุณแม่

Forest – Stay focused : แอปพลิเคชันนี้จะช่วยให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ลดอาการติดมือถือแล้วเปลี่ยนไปโฟกัสกับการทำงานได้แอปพลิเคชันนี้จะเป็นเหมือนการปลูกต้นไม้ดิจิทัล เพียงแค่เข้าไปหว่านเมล็ดพันธุ์ไว้และวางโทรศัพท์ลง เมื่อเวลาผ่านไปต้นไม้ก็จะค่อย ๆ เติบโตขึ้น แต่ถ้าหากอดใจไม่ไหวไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใช้ก่อน ต้นไม้ก็จะเหี่ยวเฉาลงนั่นเอง หากเราวางโทรศัพท์ไว้ได้ตามเวลาที่กำหนดไปเรื่อย ๆ ก็สามารถปลูกดอกไม้ได้หลากหลายในพื้นที่ของป่าไปเรื่อย ๆ ถือว่าเป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยในเรื่องของการวางแผนในการจัดการเวลา สร้างสมาธิและสนุกไปพร้อม ๆ กัน 

Cold Turkey Blocker : แอปพลิเคชันนี้เหมาะสำหรับคนที่สมาธิหลุด แล้วชอบเผลอกดเข้าไปเล่นอินเทอร์เน็ตบ่อย ๆ เราสามารถตั้งค่าเวลาที่ต้องการล็อคการเข้าถึงเว็บไซต์อื่น ๆ ไว้ได้ แอปพลิเคชันจะช่วยปิดและล็อคการเข้าถึงไว้ตามกำหนดเวลาที่ต้องการ เป็นอีกแอปพลิเคชันที่ช่วยให้เราสามารถปรับพฤติกรรมการติดโทรศัพท์ได้ดีเลยทีเดียว

ตั้งกระทู้พูดคุยจากสิ่งที่เจอ

เชื่อว่าหลายคนที่ต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้ที่ไม่เคยเจอมาก่อน จนอาจเกิดคำถามในหัวมากมาย การสร้างกรุ๊ปหรือเข้าไปร่วมกรุ๊ปที่เกี่ยวข้องกับการดูแลลูกที่ต้อง เรียนออนไลน์ ไปพร้อมกับการ Work from home เพื่อแชร์ไอเดียเพื่อปรึกษาแลกเปลี่ยนปัญหาต่าง ๆ กับคนอื่นที่กำลังเผชิญสถานการณ์เดียวกันถือเป็นอีกสิ่งที่ช่วยได้มากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น วิธีการปรับตัว หัวข้อที่ลูกต้องเรียน การบ้าน แนวทางการแก้ไขปัญหาที่เจอในระบบออนไลน์ ก็สามารถหยิบยกมาพูดคุยเพื่อช่วยให้เราปรับตัวได้ดีมากยิ่งขึ้น