posttoday

การพัฒนาศักยภาพในการนำตนเองเชิงรุกเพื่อความยั่งยืน

30 พฤศจิกายน 2563

โดย ภก.ดร.จันทรชัย ถวิลพิพัฒน์กุล สถาบันอินทรานส์ Hipot – การปฏิรูปศักยภาพมนุษย์อย่างบูรณาการศาสตร์ชีวิตองค์รวมเพื่อความมั่นคงยั่งยืน

ท่านสงสัยไหมว่า ทำไมคนเราไม่สามารถพัฒนาศักยภาพและขับออกมาได้อย่างเต็มที่ ทำไมคนเราจึงรับมือกับปัญหาต่างๆ ได้แตกต่างกัน และผลของมันก็ต่างกันด้วย แม้ในสถานการณ์เดียวกัน ทำไมบางคนรับมือกับปัญหาได้แค่ระดับหนึ่งแล้วก็ถอย แต่ทำไมบางคนจึงสามารถยืนหยัดรับมือกับมันและสร้างความยั่งยืนได้ คนเราต่างกันที่ไหน คุณสมบัตินี้ย่อมมีความหมายต่อความยั่งยืนขององค์กร

การพัฒนาศักยภาพในการนำตนเองเชิงรุกเพื่อความยั่งยืน

สังคมโลกทุกวันนี้ไม่แน่นอน ผันผวน การดำเนินธุรกิจมีความสลับซับซ้อน การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีไปไกลอย่างก้าวกระโดด หากยังยึดติดอยู่กับรูปแบบการทำงานแบบเดิมๆ จะไม่รอด องค์กรจะอยู่รอดได้ต้องปรับตัว แต่จะปรับอย่างไรให้ยั่งยืน ใครปรับไม่ทันต้องถูกทิ้ง

ในการปรับตัวนั้น โดยความหมายที่แท้จริงแล้วคือ การพัฒนาศักยภาพ แล้วศักยภาพอะไร แบบไหนที่จะเป็นตัวตัดสินที่จะนำไปสู่ความยั่งยืน

การพัฒนาศักยภาพในการนำตนเองเชิงรุกเพื่อความยั่งยืน

หนึ่งในคุณสมบัติดังกล่าวที่เป็นศักยภาพพื้นฐานและสำคัญที่สุดคือ การนำตนเอง (Self-directed) การนำตนเองคือ ความสามารถในการบริหารจัดการตนเอง การกำกับควบคุมตนเองได้อย่างเหมาะสมตามสถานการณ์นั้นๆ คุณสมบัตินี้จะเป็นจริงได้ บุคคลต้องเข้าใจว่าชีวิตเต็มไปด้วยความท้าทาย การจะรับมือกับความท้าทายได้นั้น ตนต้องตระหนักรู้ถึงสถานการณ์ตามความเป็นจริง ต้องเข้าใจว่าทุกปัญหามีทางออก และทางออกนั้นมิได้มีทางเลือกเดียว มันมีหลายทางเลือก และไม่ว่าตนได้ตัดสินใจอะไรลงไป ต้องตระหนักว่าตนเป็นผู้เลือกเอง

เมื่อพูดถึงการเลือก โดยความหมายที่แท้แล้ว มันก็คือความสามารถในการเลือกตอบสนอง เมื่อมีเหตุการณ์อะไรเข้ามากระทบ หากเราเลือกได้ นั่นแสดงว่าเรามีอำนาจ อำนาจดังกล่าวก็คือศักยภาพนั่นเอง อำนาจดังกล่าวเป็นของตนเอง ศักยภาพจึงเป็นเรื่องที่เรากำหนดได้เองทั้งสิ้น ถ้าเรากำหนดได้ นั่นคือ เราสามารถนำตนเองได้ หากเรานำตนเองได้ ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเข้ามา เราก็สามารถรับมือกับมันได้

การจะนำตนเองได้นั้นต้องเกิดจากการปรับเปลี่ยนมุมมอง หรือ Mindset ที่มีต่อตนเองและโลกภายนอก เพราะการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใดๆ ต้องมาจากการปรับมุมมองของตนเองทั้งสิ้น ทั้งนี้ กรอบความคิด หรือ Mindset เป็นของตนเอง ตนจึงสามารถควบคุมตนเองได้ เมื่อตนสามารถคุมได้ จึงรู้ว่าจะตอบสนองอย่างไร ความสามารถในการเลือกตอบสนองนี่เองคือ การนำตนเอง เมื่อบุคคลนำตนเองได้ จึงสามารถเลือกที่จะเล่นเชิงรุกหรือรับได้ยังเหมาะสม แล้วเราจะพัฒนาคุณสมบัติดังกล่าวนี้ขึ้นมาได้อย่างไร ทำอย่างไรจึงจะสร้างการนำตนเอง เล่นเชิงรุกได้

ขอเชิญท่านพิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้ หากท่านมีส้มผลนึงวางอยู่บนโต๊ะทานข้าวที่บ้าน มันเปรียบได้กับการได้ผลลัพธ์บางอย่างเพื่อเติมเต็มเข้ามาในชีวิต เมื่อเทียบกับภูเขาน้ำแข็ง ผลลัพธ์ที่ว่านี้คืออยู่ส่วนบนสุดของยอดภูเขา

แล้วส้มผลนี้มาวางอยู่บนโต๊ะทานข้าวได้อย่างไร มันลอยมาเองไม่ได้ ท่านต้องไปซื้อมา อาการที่ไปซื้อมานั้นคือ การกระทำ ซึ่งก็ประจักษ์อีก มันจึงอยู่เหนือน้ำ นั่นหมายความว่า ผลลัพธ์ (ได้ส้ม) ย่อมเป็นไปตามการกระทำ (ซื้อส้ม) และเราก็ตัดสินว่าใครจะมีศักยภาพสูงเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำนี้

เมื่อถามต่อว่า แล้วทำไมท่านถึงไปซื้อส้ม มันเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากว่าท่านอยากทานส้ม สภาวะของการอยากทานส้มนี้ มันมองไม่เห็น มันจึงอยู่ภายในตัว มันเป็นความอยาก มันเป็นแรงบันดาลใจ แรงขับเคลื่อนภายใน กินความรวมถึงทัศนคติ ค่านิยม และความเชื่อว่า ส้มดี มีประโยชน์

ถึงจุดนี้จะเห็นได้ว่าผลส้มลอยมาเองไม่ได้ เราต้องไปซื้อ และเราไม่ซื้อ ถ้าไม่อยาก นั่นหมายความว่า จะต้องมีความอยากทานส้มก่อน ถึงจะไปซื้อส้ม แล้วท่านคิดว่าอะไรทำให้ท่านอยากทานส้ม อะไรทำให้คนเรามีแรงบันดาลใจที่จะทำสิ่งใดๆ ก็ตาม

จากหลักการที่ว่าใดๆ ในโลกนี้เกิดขึ้นสองครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นในใจเป็นการสร้างทางจิต ครั้งที่สองเป็นการลงมือทำเสมอ การสร้างทางจิตที่ว่านี้มันก็คือ จินตนาการหรือภาพ ในกรณีนี้ก็คือ มีภาพของผลส้มได้ปรากฏขึ้นในใจแล้ว มันเป็นการสร้างครั้งที่หนึ่ง ภาพดังกล่าวจึงทำให้เราอยากทานส้ม แล้วไปซื้อส้ม จึงได้ส้มมาวางบนโต๊ะ

ภาพดังกล่าวนี้เรียกอีกอย่างว่า กรอบความคิด บางคนเรียก กระบวนทัศน์ แล้วก็มีความหมายเดียวกับคำว่า วิสัยทัศน์ วัยรุ่นชอบเรียก มโน แต่เราเรียกกันทั่วไปว่า Mindset

มันมาถึงข้อสรุปที่สำคัญว่า ภาพหรือจินตนาการสร้างแรงบันดาลใจ ขับเคลื่อนศักยภาพภายในให้ฝันเป็นจริง แล้วธรรมชาติของกรอบความคิดคืออะไร

เราลองพิจารณาอีกตัวอย่าง นักกอล์ฟที่อยู่บนกรีน เวลาพัตต์ลูกกอล์ฟ ทำไมนักกอล์ฟจะต้องถอยหลังมาก้าวนึง แล้วตีอากาศก่อนที่จะเข้าไปพัตต์ลูกจริง ทำไมนักเทนนิสก่อนจะเสริ์ฟ ต้องเคาะลูกกับพื้นเสมอ ทำไมนักสนุกเกอร์ก่อนจะปล่อยไม้ เขาจะต้องสาวไม้คิวสองสามครั้ง

แล้วไม่ว่ากิจกรรมใดๆ ก็ตาม ก่อนที่ท่านจะลงมือทำอะไร ท่านต้องใช้เวลาเล็กน้อย เตรียมความพร้อมเพื่อสร้างความมั่นใจ ก่อนลงมือทำจริงทุกครั้ง ในขณะนั้น นักกีฬาเหล่านี้เขาทำอะไรอยู่

คำตอบคือ เขากำลังวาดภาพ ซึ่งเป็นภาพของความสำเร็จ หรือเป้าหมายที่เห็นลูกกอล์ฟลงหลุมกอล์ฟ เห็นลูกเทนนิสลงตรงตำแหน่งที่ต้องการ เห็นลูกสนุ๊กชนลูกที่ต้องการเพื่อให้ลงหลุมและอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดเพื่อกินลูกถัดไป ภาพความสำเร็จดังกล่าวนี้เองสร้างแรงบันดาลใจ ความเชื่อมั่น จากนั้นจึงลงมือทำจริง

ภาพดังกล่าวเป็นของตนเอง ตนเป็นผู้กำหนดได้เอง ดังนั้น แรงบันดาลใจ ความมุ่งมั่น จึงเป็นเรื่องที่ตนกำหนดได้เองทั้งสิ้น นั่นคือ ตนเลือกได้ว่าจะทำอะไรอย่างไร ซึ่งหากตนเลือกได้ นั่นคือ ตนสามารถนำตนเองได้ เมื่อนำตนเองได้ จึงเลือกได้ว่าจะตอบสนองอย่างไร เมื่อมีความท้าทายผ่านเข้ามาในชีวิต

การพัฒนาศักยภาพในการนำตนเองเชิงรุกเพื่อความยั่งยืน

กรอบความคิดจึงเป็นแหล่งที่มาของศักยภาพทั้งปวง กรอบความคิดจึงเป็นฐานรากของชีวิตกรอบความคิดเปลี่ยนได้ ศักยภาพจึงพัฒนาได้ กรอบความคิดเป็นของตนเอง ศักยภาพจะเป็นเรื่องที่ตนกำหนดได้เองทั้งสิ้น หากตนกำหนดได้ นั่นแสดงว่าชีวิตเป็นอะไรที่ตนเลือกได้ หากตนเลือกได้ ก็นำตนเองได้ หากนำตนเองได้ ก็สามารถเล่นเชิงรุกได้ หากเล่นเชิงรุกได้ ทุกอย่างก็มีความเป็นไปได้ทั้งสิ้น หากยังไม่ถึงฝั่ง ก็เปลี่ยนกรอบความคิดใหม่ ทำใหม่ เพราะความพลาดพลั้งที่ผ่านมาล้วนเป็นกระบวนการเรียนรู้ทั้งสิ้น มิใช่ความผิด

ในยุคที่โลกมีความผันผวนสูง การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ความท้าทายต่างประดังเข้ามาทุกทิศทางอย่างสลับซับซ้อน ในการตั้งรับต้องใช้ศักยภาพ ศักยภาพที่สำคัญและเป็นพื้นฐานที่สุดคือ ความสามารถในการนำตนเองอันสะท้อนมาจากการเปลี่ยนกรอบความคิดหรือ Mindset ของตนเองนั่นคือ ตนเท่านั้นที่สามารถกำหนดอนาคตและทิศทางของตนเองและองค์กรได้ เพื่อนำไปสู่ความสมดุล เข้มแข็ง มั่นคงยั่งยืน หากองค์กรใดยังยึดติดอยู่กับรูปแบบการทำงานแบบเดิมๆ จะไม่รอด เพราะเป็นที่ประจักษ์ว่า ใครก็ตามที่ไม่สามารถปรับตัวเพื่อสร้างการนำตนเองได้ ต้องถูกทิ้ง