posttoday

พบเด็กไทยอายุ3ขวบฟันผุกว่า50% แนะผู้ปกครองเอาใจใส่เรื่องแปรงฟัน

11 กุมภาพันธ์ 2561

เครือข่ายเด็กเล็กฟันดีฯเผยเด็กไทยอายุ 3 ขวบฟันผุกว่า 50% แถมเริ่มมีฟันผุตั้งแต่อายุ 9 เดือน แนะผู้ปกครองเอาใจใส่เรื่องแปรงฟัน

เครือข่ายเด็กเล็กฟันดีฯเผยเด็กไทยอายุ 3 ขวบฟันผุกว่า 50% แถมเริ่มมีฟันผุตั้งแต่อายุ 9 เดือน แนะผู้ปกครองเอาใจใส่เรื่องแปรงฟัน

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ เครือข่ายเด็กเล็กฟันดี วิถี SELF CARE จัดกิจกรรม “การแปรงฟันเป็นเรื่องสนุก” เพื่อรณรงค์กระตุ้นให้พ่อ แม่ ผู้ปกครอง และผู้ดูแลเด็กให้ความสำคัญกับการแปรงฟันในเด็กเล็กตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้น และปรับเปลี่ยนทัศนคติที่ดีต่อการแปรงฟันแก่เด็กว่าเป็นเรื่องสนุก น่าทำและมีประโยชน์

รศ.ดร.ทพ.จรินทร์ ปภังกรกิจ ผู้จัดการเครือข่ายเด็กเล็กฟันดี วิถี SELF CARE กล่าวว่า ปัจจุบันมีเด็กไทยอายุ 3 ปี ฟันผุ ร้อยละ 52 ที่น่าตกใจคือ เริ่มมีฟันผุตั้งแต่อายุ 9 เดือน สาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ฟันน้ำนมในเด็กเล็กผุ เกิดจากผู้ปกครองเริ่มแปรงฟันให้เด็กช้า ทำให้สุขภาพช่องปากของเด็กไม่สะอาด มีโอกาสเกิดฟันผุได้ง่ายมากขึ้น ปัญหาฟันผุในเด็กเล็ก ส่งผลทำให้เด็กมีพัฒนาการการเจริญเติบโตช้ากว่าเด็กที่สุขภาพฟันดี ซึ่งในปีนี้ เครือข่ายเด็กเล็กฟันดี ฯ ร่วมกับ สสส. ได้เร่งรณรงค์ส่งเสริมให้แม่แปรงฟันให้ลูกตั้งแต่ฟันน้ำนมเริ่มขึ้นซี่แรก และฝึกทักษะการแปรงฟันให้แก่ผู้ปกครองในพื้นที่นำร่อง 11 พื้นที่ ผลปรากฏว่า ผู้ปกครองเด็ก ร้อยละ 80 มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการแปรงฟันให้ลูกที่ถูกต้องตามคำแนะนำมากขึ้น โดยเครือข่ายเด็กเล็กฟันดีฯ เตรียมพัฒนาเป็นพื้นที่ต้นแบบและขยายแนวทางการทำงานทั่วประเทศในระยะต่อไป

ศ.พิเศษ.ทพญ. ชุติมา ไตรรัตน์วรกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมเด็ก กล่าวว่า การแปรงฟันถือเป็นการรักษาสุขอนามัยทางช่องปากและเป็นวิธีการป้องกันโรคในช่องปากที่ง่ายและได้ผลดีที่สุด โดยวิธีป้องกันฟันผุในเด็กเล็กที่ดีที่สุด คือ ผู้ปกครองควรแปรงฟันให้เด็กตั้งแต่ฟันน้ำนมซี่แรกเริ่มขึ้น และแปรงฟันให้ต่อเนื่องจนกว่าเด็กมีพัฒนาการข้อมือที่แข็งแรง ใช้สายตากับมือประสานกันได้ดี ประมาณอายุ 7-8 ปี เด็กจึงจะสามารถแปรงฟันได้เอง แต่ผู้ปกครองดูแลให้แปรงฟันให้สะอาด และกระตุ้นให้เด็กแปรงฟันเป็นประจำจนเป็นนิสัย

โดยเคล็ดลับในการแปรงฟันที่ถูกต้องคือ 1.สร้างความคุ้นเคยให้เด็กตั้งแต่แรกเกิด โดยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำต้มสุก เช็ดทำความสะอาดสันเหงือกทุกวัน 2.แปรงฟันให้เด็กตั้งแต่ฟันน้ำนมซี่แรกขึ้น โดยใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ จะช่วยลดโอกาสฟันผุได้ถึง ร้อยละ 15-30 3.เลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงนุ่ม หน้าตัดเรียบ หัวเล็กมีด้ามจับใหญ่จับถนัดมือ 4.ใช้ยาสีฟันเล็กน้อยที่ปลายขนแปรงพอชื้น 5.ให้เด็กอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน หรือนอนบนตัก เพื่อให้เด็กอยู่นิ่ง ทำให้มองเห็นและแปรงฟันได้ง่ายขึ้น 6.สร้างบรรยากาศในการแปรงฟัน เช่น เล่านิทาน ร้องเพลง หรือใช้แปรงมีสีสัน มีตัวการ์ตูน 7.แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ก่อนหรือหลังอาบน้ำเช้า และเย็น หลังแปรงสามารถเช็ดฟองออกด้วยผ้าสะอาด และอย่าลืมสำรวจความสะอาดหลังแปรงฟัน ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ โดยใช้หลอดกาแฟสีเข้มตัดปลายให้มนแล้วขูดเช็คที่ผิวฟันเด็กว่าสะอาดหรือไม่

​ด้าน ผศ.ดร.ทพ.ณัฐวุธ แก้วสุทธา คณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และรองผู้จัดการเครือข่ายเด็กเล็กฟันดี วิถี SELF CARE กล่าวว่า เครือข่ายเด็กเล็กฟันดี วิถี SELF CARE ได้จัดกิจกรรมรณรงค์ ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไปที่สนใจปรับเปลี่ยนทัศนคติที่ดีต่อการแปรงฟันแก่เด็กว่าเป็นเรื่องสนุก น่าทำและมีประโยชน์ ประกอบด้วย 1.จัดกิจกรรม Capture & Post กิจกรรมถ่ายภาพรอยยิ้มพร้อมฟันซี่แรก แล้วโพสต์บนเพจ “เด็กเล็กฟันดี วิถี Self Care” ภายใต้แนวคิด “รักแรกยิ้ม” Love at First Cheese 2.กิจกรรม Shoot & Share ถ่ายภาพคู่กับ Mascot NooNoo(สัญลักษณ์ของโครงการ) 3.กิจกรรม Hands On เรียนรู้และฝึกปฏิบัติจริงกับวิธีการแปรงฟันเด็กเล็กที่ถูกต้อง 4.เกมเสริมทักษะและเกร็ดความรู้ในการดูแลฟันเด็กเล็ก เช่น “หลอดกายสิทธิ์” Magic Straw ฟันสะอาดง่ายๆ เหมือนเสกได้และสนุกกับการทำความรู้จักฉลากแปรงสีฟันเด็กเล็กกับเกม “อะไรอยู่ข้างหลัง” What’s on The Back? เช็ดฟองยาสีฟันออกหลังแปรง และ5.การเล่านิทานประกอบเพลง “คุณฟองนักแปรงฟัน” ของครูชีวัน วิสาสะ เพื่อรณรงค์กระตุ้นให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแปรงฟันให้ลูกตั้งแต่ฟันน้ำนมซี่แรกขึ้น

​ทั้งนี้ ภายในงาน ยังมีการมอบรางวัลนวัตกรรมในการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กเล็กที่สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน อาทิ แอปพลิเคชัน ดูดวงฟันหนูน้อย หนังสือนิทานทะลุมิติเพื่อลูกรักฟันดี และ EZYgel สีย้อมฟันที่แสนจะใช้ง่ายให้กับทุกครอบครัว เพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสารช่วยกระตุ้นการแปรงฟันที่ให้ลูก โดยสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของกิจกรรมนี้ย้อนหลัง หรือกิจกรรมรณรงค์ดีๆที่จะมีต่อไปในอนาคตได้ที่ เพจโครงการ https://www.facebook.com/deklekfundee/