posttoday

กรณ์กันต์ ลิ้วสงวนกุลธร บวชชีวางดอกไม้ใจถวายในหลวง ร.9

03 ธันวาคม 2560

แม้ในหลวงรัชกาลที่ 9 จะเสด็จสวรรคตไปกว่า 1 ปีแล้วก็ตาม แต่ประชาชนคนไทยก็ยังรักและคิดถึงพระองค์อยู่เสมอมิเคยลืมเลือนเช่นเดียวกับเธอคนนี้

โดย...อณุสรา ทองอุไร ภาพ ประกฤษณ์ จันทะวงศ์

แม้ในหลวงรัชกาลที่ 9 จะเสด็จสวรรคตไปกว่า 1 ปีแล้วก็ตาม แต่ประชาชนคนไทยก็ยังรักและคิดถึงพระองค์อยู่เสมอมิเคยลืมเลือนเช่นเดียวกับเธอคนนี้ กรณ์กันต์ลิ้วสงวนกุลธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฟร์ท โฟลว์ บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านเอเยนซี ประชาสัมพันธ์และออร์แกไนเซอร์ ที่เธอต้องการสร้างความดีสร้างกุศลสูงสุดเท่าที่ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นครั้งสุดท้าย ในช่วงเวลาของการถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระองค์เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2560 ที่ผ่านมา

ทำความดีถวายในหลวง ร.9

เธอบวชชีถือศีล 10 เป็นเวลา 17 วัน และเตรียมตัวมาบวชชีพราหมณ์อีก 5 วัน โดยถือศีล 8 เพื่อปรับตัวเตรียมพร้อมก่อนบวชชีปลงผมและถือศีล 10 เบ็ดเสร็จเธอไปบวชทั้งสิ้น 21 วัน

“เราเกิดในรัชสมัยของท่าน เกิดมาทันเห็นข่าวพระราชสำนักที่พระองค์ท่านเสด็จฯ ฝ่าป่าเขา เดินดงในถิ่นทุรกันดาร ไปช่วยพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ให้ชาวเขา ชาวดอย ชาวบ้าน เพื่อให้ชีวิตของราษฎรดีขึ้น หลุดพ้นจากความยากจน มีอาชีพ มีงานทำ จากโครงการต่างๆ กว่า 4,000 โครงการ แล้วยังมีคำสอนต่างๆ ที่พระองค์ทรงสอน เช่น เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ที่เราสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตการทำงานได้หลายอย่าง พระองค์ท่านทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริงตลอด 70 ปี เราจึงอยากทำความดีเพื่อถวายพระองค์ท่านบ้าง ตั้งใจมากที่สุดก็คราวนี้เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อพระองค์ท่าน” เธอ กล่าวอย่างมุ่งมั่น

เธอ เล่าว่า นี่เป็นการบวชชีครั้งที่ 2 ในชีวิตของเธอ ครั้งแรกบวช 15 วัน เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนนั้นถือเพียงศีล 8 ตอนนั้นเธอบวชเพราะหายจากการเป็นโรคมะเร็งเต้านม เหมือนเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นเธอก็ไปถือศีลปฏิบัติธรรม ช่วงวันหยุดศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ 2 คืน 3 วัน อยู่หลายครั้ง หลังจากที่หายป่วยมาเธอก็พยายามใช้หลักธรรมในการทำงานและดำเนินชีวิตมากยิ่งขึ้น

กรณ์กันต์ ลิ้วสงวนกุลธร บวชชีวางดอกไม้ใจถวายในหลวง ร.9

แต่ในคราวนี้เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เธอตั้งใจอย่างแรงกล้าเพื่อจะบวชชีถวายในหลวงในโครงการ 70 ปี 70 ความดี อนุสาวรีย์มีชีวิตถวายในหลวง ที่เสถียรธรรมสถาน โดยใช้เวลาเตรียมตัวสะสางงานล่วงหน้านานถึง 5 เดือน เพื่อให้มีวันลางานได้นานถึง 21 วัน

ในการบวชครั้งนี้มีผู้หญิงที่สนใจเข้ามาบวชเป็นจำนวนมาก ด้วยจิตใจที่แน่วแน่ตั้งใจ และในวันบวชปลงผมนั้นก็มีเหตุการณ์หลายอย่างที่ล้วนทำให้ปีติยินดีอย่างนึกไม่ถึง เช่น วันบวช ตอนเช้าแดดจ้า แต่ขณะทำพิธีบวชอยู่ๆ ฝนก็ตกหนักลงมาแบบไม่มีวี่แวว

“แต่พวกเราก็ไม่หลบฝนนะ ก็บวชทำพิธีกันท่ามกลางสายฝน น้ำตาแห่งความปลื้มใจกับน้ำฝนผสมปนเปกันไป แต่พอทำพิธีเสร็จฝนก็หายทันที” เธอ เล่าให้ฟังอย่างตั้งใจ

เธอ เล่าว่า การบวชครั้งนี้เป็นการบวชแบบเต็มรูปแบบที่สุดตั้งแต่เธอเคยบวชชีมา คือมีการออกไปเดินบิณฑบาตทุกเช้า อุปกรณ์ที่ต้องใช้ทุกอย่างต้องนั่งทำเอง เช่น การทำสายประคด ทำเสวียงรองบาตร ปักอาสนะของตัวเอง การทำงานทุกอย่างก็ฝึกภาวนา สร้างสมาธิอยู่กับตัวเองให้มากที่สุด บรรยากาศทำให้ได้ฝึกสวดมนต์ ภาวนา ฝึกสมาธิได้เป็นอย่างดี

เนื่องจากเวลาอยู่ที่บ้านหรือที่ทำงาน สมาธิเรายังไม่แก่กล้าพอที่จิตใจจะไม่วอกแวกไปกับเรื่องอื่น อยู่ที่ทำงานสติสมาธิเราจะหลุดได้ง่ายกว่า เดี๋ยวมีเสียงโทรศัพท์ งานเราต้องคิด ต้องลงมือทำ มีสิ่งเร้าต่างๆ มากมายที่ทำให้ใจเราไม่นิ่ง จึงต้องไปอยู่ในสถานที่ที่เอื้ออำนวยให้ฝึกฝนตัวเองได้ง่ายขึ้น มีบรรยากาศที่สัปปายะจริงๆ เพื่อส่งเสริมให้มีสติและสมาธิจริงๆ

กรณ์กันต์ ลิ้วสงวนกุลธร บวชชีวางดอกไม้ใจถวายในหลวง ร.9

การมาอยู่ที่เสถียรธรรมสถาน 21 วันนี้ มีวิธีการปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด แบบที่ธิดาของพระพุทธเจ้าต้องทำ “ตอนที่ไปเดินบิณฑบาตแล้วต้องถือบาตรที่มีข้าวสวยร้อนๆ ที่ชาวบ้านตักจากหม้อที่หุงใหม่ๆ มาใส่บาตรแล้วเราอุ้มบาตรที่ร้อนๆ ซึ่งเราไม่เคยรู้สึกมาก่อน ทำให้เข้าใจว่าเป็นอย่างไร ปกติคนสมัยนี้ซื้อข้าวถุงอาหารชุดมาใส่บาตร แต่พอหุงข้าวสวยร้อนๆ มาใส่บาตร ความรู้สึกนั้นต่างกันมาก แม้ตัวเราเองใส่บาตรตามเทศกาลต่างๆ เรามักจะใส่ของแห้ง เวลามาเจอข้าวร้อนๆ ในบาตรที่ญาติโยมตั้งใจหุงใหม่ๆ มาใส่บาตร ทำให้เรารู้สึกปีติอย่างบอกไม่ถูก”

การบวชครั้งนี้มีคนมาบวชมากถึง 500 รูป ทั้งที่ตั้งใจรับแค่ 199 รูปเท่านั้น แต่มีผู้สมัครเข้ามามากจริงๆ ปกติที่เสถียรธรรมสถานเคยมีพิธีบวชมาแค่ 100 กว่ารูป และในเวลาปกติมีแม่ชีอยู่เพียง 30 รูป ทำให้การเป็นอยู่อาจจะแออัดใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วอย่างเต็มที่ แต่ทุกคนก็อยู่กันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย บางรูปก็ไปปักกลดใต้ต้นไม้ บางรูปเอาผ้ายางไปปูแล้วนอนปักกลดที่ดาดฟ้าบนอาคาร เพราะที่นอนไม่พอ แต่เวลาฝนตกมากลางดึกก็ต้องหาที่หลบฝน เป็นการฝึกความวิริยะอุตสาหะ ทำให้ย้อนนึกไปในสมัยที่พระพุทธองค์ท่านบวชก็มีแต่เรื่องยากลำบากยิ่งกว่าที่เราเจอหลายเท่านัก นี่คือการฝึกอย่างอดทน ไม่ต้องไปยึดติดกับอะไรอยู่กับปัจจุบันขณะอย่างแท้จริงอยู่กับชีวิตตรงหน้าเท่านั้น

การบวชคราวนี้เข้มข้นจริงจัง นอน 3 ทุ่ม ตื่นตี 4  ทำวัตรเช้า ปลงผม 3 ครั้ง คือ วันบวช วันพระ วันโกน งดใช้ของหอมทุกชนิด ไม่ต้องส่องกระจกใดๆ ทั้งสิ้น ฝึกให้มาก มีทุกช่วงอายุตั้งแต่ 5 ขวบ ถึง 75 กว่า ทุกคนมากันด้วยความตั้งใจ เห็นแล้วน่าชื่นชมมากๆ อยู่เย็นเป็นประโยชน์ทั้งตัวเองและผู้อื่น เป็นนักบวชเพศแม่ปฏิบัติตนให้เหมาะสมเป็นที่ยอมรับ อยู่อย่างมีความหมาย ตายอย่างมีคุณค่า

กรณ์กันต์ ลิ้วสงวนกุลธร บวชชีวางดอกไม้ใจถวายในหลวง ร.9

เปลี่ยนรหัสชีวิตเพราะการบวช

กรณ์กันต์ บอกว่า การบวชครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนรหัสชีวิตของเธอ ทำให้รู้สึกได้ว่าผู้หญิงก็บวชได้ ไม่ใช่เฉพาะแต่ผู้ชายเท่านั้น ลูกผู้หญิงก็ควรจะได้มีโอกาสบวชเรียนสักครั้งในชีวิต เพื่อให้เข้าใกล้พระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น การถือเพศพรหมจรรย์ก็ให้ข้อคิดต่างๆ ได้มากมาย การถือศีลปฏิบัติธรรมทำให้เราได้เจริญสติ มีวินัย สำรวมมากขึ้น เพราะหลายเรื่องเราทำตอนเป็นฆราวาสไม่ได้ พยายามฝึกให้จิตประภัสสร

เธอ เล่าว่า ชีวิตของเธอในวัย 40 กว่าๆ นั้นผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ทั้งสุข เศร้า สมหวัง เจ็บป่วยปางตาย จนทำให้รู้ว่าชีวิตกับความตายนั้นใกล้กันนิดเดียว จนทำให้รู้สึกว่าชีวิตก็แค่นี้ไม่ได้ยืนยาวแข็งแกร่งอย่างที่เคยคิดไว้

“ตอนนี้ก็เลยตั้งใจกับตัวเองไว้ว่า การบวชเรียนฝึกฝนนั้นจะทำให้มากขึ้นบ่อยขึ้น เป็นเรื่องที่ควรทำเป็นไม้ค้ำคอยขนาบจิตใจไม่ให้ฟุ้งมากไป สติจิตใจอยู่ในที่เหมาะสมดีงามการปฏิบัติบ่อยๆ จะทำให้เข้าใกล้ธรรมะได้ง่ายขึ้น มีจิตใจที่คิดจะให้มากกว่าที่คิดจะเอา อยากให้จิตใจเข้าถึงธรรมะได้มากขึ้น อ่อนโยนนุ่มนวล ละเอียด ไม่หยาบกระด้าง การฝึกบ่อยๆ ทำให้วิธีคิดเราดีขึ้น และเราก็มีความสุขได้ง่ายขึ้น เรารู้สึกได้เพื่อตัวเอง หลังจากนั้นคนใกล้ตัวเราจะรู้สึกได้” เธอ กล่าวด้วยรอยยิ้ม

วางดอกไม้ใจถวายในหลวง ร.9

การบวชชีครั้งนี้จุดประสงค์แรกเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง วางดอกไม้ใจที่เกลี้ยงเกลาถวายพระองค์ท่าน และผู้มีพระคุณ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ของเราเอง เนื่องจากการเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งของเธอเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เธอต้องสู้กับโรคร้ายรักษาตัวเป็นปี ทำให้รู้ว่าไม่มีอะไรมีค่าเกินลมหายใจอีกแล้ว

หลังจากผ่านมาได้ เธอก็ได้คิดมากขึ้น รหัสชีวิตเปลี่ยนไป แน่นอนชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป การงานยังต้องทำ แต่เธอจะเดินสายกลางมากขึ้น ปล่อยวางมากขึ้น โลภน้อยลง เพราะรู้ว่าบ้าน รถ เงินทอง ได้แค่ชาตินี้ แต่ความดีความชั่วนี่ติดตัวไปถึงชาติหน้า (ตามหลักคำสอนของศาสนาพุทธที่ว่า คนเราตายแล้วยังต้องไปเกิดใหม่วนเวียนอีกหลายชาติ)