posttoday

เตรียมตัวเองให้พร้อมเสมอ ‘เศรษฐพงศ์ เพียงพอ’

19 ตุลาคม 2554

ไม่รู้ด้วยผิวพรรณสว่างวาบเหมือนฉีดกลูตาฯ กับบุคลิกเท่ ซื่อ ในเพลงร็อกเพี้ยนๆ

โดย...ณัฐพล ช่วงประยูร

ไม่รู้ด้วยผิวพรรณสว่างวาบเหมือนฉีดกลูตาฯ กับบุคลิกเท่ ซื่อ ในเพลงร็อกเพี้ยนๆ หรืออาการเต้นโยกย้ายสายสะโพกบาดใจแฟนๆ ก็ตาม แต่บอกได้เลยว่า “เต๋าเศรษฐพงศ์ เพียงพอ” เป็นหนุ่มทรงเสน่ห์สุดบนเวที เอเอฟ ซีซัน 8

ความฝันของเด็กหนุ่ม 21 จาก จ.กาฬสินธุ์ ที่หมายมุ่งจะเป็นซัมบอดี เขาเลือกพิสูจน์ความสามารถบนเวที อะคาเดมีแฟนตาเซียปีล่าสุด จาก 24 คนแรก เมื่อต้นซีซัน สู่นักล่าฝัน 6 คนสุดท้าย และท้ายสุดกับตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 4

“ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะเลยครับ จากเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่คิดจะมาประกวดบนเวที ใครๆ ก็ว่าไอ้หน้าจืด หลอดนีออน ก็มาเป็นเต๋ากลูตาฯ มีแฟนๆ คอยติดตามชื่นชมเรา ดีใจมาก และคุณพ่อคุณแม่และป้าก็ภูมิใจมากกับสิ่งที่ผมรักและทำจนสำเร็จ ผมต้องขอบคุณท่านมาก ขับรถตามมาเชียร์ที่กรุงเทพฯ ทุกสัปดาห์”

เตรียมตัวเองให้พร้อมเสมอ ‘เศรษฐพงศ์ เพียงพอ’

พ่อของเขาเป็นพ่อค้าขายอะไหล่รถยนต์ แม่เป็นพยาบาล เต๋าเกิดและเติบโตที่ จ.กาฬสินธุ์ และย้ายไปเรียนและโตที่ จ.อุดรธานี บ้านของป้า ไปกลับบ้านตลอดช่วงชีวิตก่อนจากเมืองไทยไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ต่อด้วยความรู้ด้านบริหารระดับดิโพลมา จากมาร์ตินคอลเลจ และสะสมประสบการณ์ชีวิตที่ซิดนีย์ ออสเตรเลียตลอด 2 ปี

“ผมเป็นลูกชายคนโต มีพี่น้อง 3 คน ห่างบ้านกาฬสินธุ์ไปอยู่อุดรฯ แล้วก็ไปเรียนต่อออสเตรเลีย ระหว่างนั้นก็ทำงานล้างจานในร้านอาหาร ล้างห้องน้ำ เก็บขยะ ทำความสะอาดสถานีรถไฟ และโรงเรียนเด็กเล็ก เคยขึ้นเวทีประกวดเล็กๆ ที่ซิดนีย์ กลับมาเมืองไทยใช้คะแนนโทอิค เพื่อต่อด้านบริหารฯการตลาด มหาวิทยาลัยขอนแก่น ชีวิตค่อนข้างเรียบง่าย เลิกเรียนไปซ้อมดนตรีกับเพื่อนและเล่นฟุตบอล ถ้าวันนี้ไม่ได้เลือกมาออดิชันจนได้ตำแหน่งนี้ ชีวิตก็คงยังเหมือนก่อน

หลังจากจบการแข่งขันเอเอฟ 8 ผมใช้ชีวิตบนรถตู้ กินข้าว นอน คุยกับเพื่อนๆ บนรถตู้ (หัวเราะ) แฟนคลับซื้อของมาให้เยอะมาก ทั้งของกิน ของใช้ ของขวัญ ผมก็แบ่งๆ กันกับเพื่อนๆ การเรียนในชั้นปี 2 ก็ต้องพักไว้ก่อนเพื่อทำงาน เมื่อเร็วๆ นี้มีโอกาสได้กลับบ้านเกิด แวะไปกราบพระที่วัดป่าดงเมืองกับครอบครัว ก็รู้สึกดีจริงๆ

ช่วงที่มาพักอยู่กรุงเทพฯ คุณพ่อกับน้องสาวก็ตามมาดูแลใกล้ชิด ผมไม่มีเพื่อนที่นี่ ก็มีแต่พวกเขากับงานเอเอฟ ตอนนี้ถ้าถามถึงสิ่งที่อยากทำมากเหลือเกิน คงเป็นจัดการเรื่องติดตั้งอินเทอร์เน็ต (หัวเราะ) ที่ห้องพักยังไม่มีใช้ ถึงจะอยู่ไกลบ้าน แต่ที่ผ่านมาผมก็สู้ ไม่ได้กังวลอะไรมาก คุณแม่จะชอบสอนเสมอว่า ‘ทำทุกวันให้เต็มที่...จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง’ ส่วนฝ่ายคุณพ่อจะสอนว่า ‘อย่าลืมตัว...อย่าลืมบุญคุณคน’

ตัวผมเองจะเตรียมพร้อมและดูแลสุขภาพให้ดี ไม่อยากให้เป็นหวัดและสิวขึ้นเพราะนอนน้อย ผมว่าการที่เราจะก้าวเข้ามาตรงนี้ การเตรียมตัวให้พร้อมทั้งบุคลิก รูปร่างหน้าตา การแต่งตัว สำคัญพอๆ กับความสามารถ เสียงร้อง และการแสดงเลยครับ อย่างช่วงที่แข่งผมก็ตั้งใจทุกโจทย์ทุกสัปดาห์ แต่สำหรับผมสัปดาห์ที่มาเต็มสุดๆ ของผมน่าจะเป็นโชว์มิวสิเคิล คิดว่าทำได้ดีใน 12 สัปดาห์เลย ร้องเล่นเต้นแสดง” หนุ่มตัวขาว อดีตเจ้าของเสียงเพี้ยนประจำเวที บอกกับเราในวันที่พัฒนาการของเขามาถึงจุดที่น่าชื่นชม

“โดยปกติแล้วการแต่งตัวของผมเรียบง่าย สีเข้ม หรือเรียบ อาจจะมีสีสันได้ แต่ไม่เน้นลายพร้อย โดยมากก็กางเกงยีนส์ เสื้อยืด รองเท้าผ้าใบเป็นหลัก เวลาผมจะซื้อเสื้อผ้า จะวางแผนก่อนว่าต้องการอะไรบ้าง แล้วก็ชวนเพื่อนไปช่วยเลือก แล้วก็ตรงไปซื้อเลย แค่นั้น เสื้อยืด คือชิ้นที่จะเสียเงินบ่อยที่สุดครับ อย่างกางเกงก็ไม่ได้เปลี่ยนบ่อยมากเท่า

พอไปเรียนที่ออสเตรเลีย ก็หัดแต่งตามคนอื่นๆ บ้าง แฟชั่นเล็กๆ น้อยๆ บ้าง เลือกมิกซ์และแมตช์ให้เข้ากับตัวเอง แรกๆ ก็มีมิกซ์ แล้วไม่แมตช์บ้าง (หัวเราะ) แต่ยังไงผมว่าทุกคนมีสไตล์เป็นของตัวเอง อยู่ที่ตัวตน ไม่ใช่ว่าต้องเป๊ะหมดหัวจรดเท้าครับ

ถ้ายกตัวอย่างไอดอลที่ผมชอบพี่นิชคุณ เขาดูเป็นคนจริงจัง ขยัน และตั้งใจทำงานมาก ขณะที่ชีวิตของเขาดูสบายๆ ง่ายๆ และลุยได้ทุกสถานการณ์ ไม่ต้องประดิษฐ์อะไรมาก หน้า ผม ก็ค่อนข้างธรรมชาติ ดูน่ารักดี” ก็แหม...เต๋ากับนิชคุณนั้นหล่อขาวเท่ครบถ้วนมาแล้วนี่เนอะ เลยไม่ต้องพึ่งสไตลิสต์นัก

“ผมว่าชีวิตคนเราต้องไม่ทิ้งโอกาสครับ ถ้าได้มารีบคว้าไว้ ไม่ต้องไปสนว่าใครจะว่ายังไง ถ้ารักจะทำก็ไปลองเลย ไม่ต้องรอ แล้วก็เตรียมตัวให้พร้อม รอไปพิสูจน์ครับ” เต๋าเศรษฐพงศ์ จบคำพร้อมยิ้มกว้างแบบกวนๆ