posttoday

7 ผลไม้ต้านมะเร็ง กินได้ทุกวันทั้งก่อนและหลังป่วย

28 กรกฎาคม 2562

นอกจากยาและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่จะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคมะเร็ง การเลือกกินอาหารและผลไม้ ก็จะทำให้เราสามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งได้ด้วย ลองมาดูกันว่า 7 ผลไม้ที่มีฤทธิ์ช่วยต้านมะเร็งนั้นมีอะไรกันบ้าง

นอกจากยาและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่จะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคมะเร็ง การเลือกกินอาหารและผลไม้ ก็จะทำให้เราสามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งได้ด้วย ลองมาดูกันว่า 7 ผลไม้ที่มีฤทธิ์ช่วยต้านมะเร็งนั้นมีอะไรกันบ้าง

มะเร็งเป็นโรคร้ายอันดับต้นๆ ที่คร่าชีวิตคนไทย โดยผู้ชายมีสถิติการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ มะเร็งต่อมลูกหมาก ส่วนผู้หญิงมักจะเสียชีวิตด้วยมะเร็งเต้านม การเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งนั้นมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี เนื่องจากการดูแลสุขภาพของคนในปัจจุบันที่มีปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคมะเร็งได้ง่าย ทั้งอาหารการกิน การออกกำลังกาย รวมถึงสภาพแวดล้อมต่างๆ หากเราลองมองรอบตัวให้ดีก็จะพบว่าการดำเนินชีวิตของเรานั้นมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ ส่วน วิธีที่จะป้องกันไม่ให้โรคร้ายมาเยือนหรือช่วยบรรเทาให้อาการของโรคเบาบางลงง่ายๆ คือการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงอาหารที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง เช่น ผลไม้ต้านมะเร็งทั้ง 7 อย่างนี้

7 ผลไม้ต้านมะเร็ง กินได้ทุกวันทั้งก่อนและหลังป่วย

มังคุด

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทย บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่า สารสกัดจากมังคุดช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด TH1 และ TH 17 ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกำจัดและป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งเกือบทุกชนิดได้ ไม่เว้นแม้แต่มะเร็งเต้านม อีกทั้งเซลล์เม็ดเลือดขาว TH1 ยังเป็นสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง สามารถช่วยป้องกันโรคได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการปกป้องเซลล์ในร่างกายไม่ให้กลายเป็นเซลล์มะเร็งร้าย นอกจากนี้ ในมังคุดมีสารแซนโทน (Xanthone) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่ถูกทำลายในร่างกายช่วยต้านมะเร็งได้

 

7 ผลไม้ต้านมะเร็ง กินได้ทุกวันทั้งก่อนและหลังป่วย

ทับทิม

งานวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐ พบว่า น้ำทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง และยังมีไฟโตนิวเทรียนท์ รวมถึงกรดเอลลาจิก (Ellagic Acid) ที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในร่างกายมนุษย์ และยับยั้งการขยายตัวของเซลล์ผิดปกติซึ่งอาจจะกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะเซลล์มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก นอกจากนี้ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ประเทศสหรัฐ ยังระบุด้วยว่า สารเอลลาจิกในทับทิม สามารถป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกของผู้หญิงได้อีกด้วย

7 ผลไม้ต้านมะเร็ง กินได้ทุกวันทั้งก่อนและหลังป่วย

ส้ม

ผลการศึกษาของ Texas A&M University เผยว่า นอกจากส้มรวมไปถึงมะนาวและเลม่อนจะเปี่ยมไปด้วยวิตามินซีแล้ว ยังมีคุณสมบัติต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับโรคมะเร็งเต้านม เนื่องจากมีสารแคโรทีนอยด์ค่อนข้างสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย มีส่วนช่วยลดโอกาสในการเกิดมะเร็งที่ปาก กล่องเสียง และที่กระเพาะอาหาร นอกจากนี้ ในเปลือกส้มยังมีฤทธิ์ในการช่วยทำลายเซลล์มะเร็งได้ด้วย

 

7 ผลไม้ต้านมะเร็ง กินได้ทุกวันทั้งก่อนและหลังป่วย

มันเทศ

มันเทศนอกจากจะมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เบต้าแคโรทีน ไฟเบอร์ วิตามินอี วิตามินซี ไรโบฟลาวิน โพลีฟีนอล สารต้านอนุมูลอิสระ และกรดคาเฟอิกแล้ว การศึกษาจาก The International Potato Center เผยว่า ในมันเทศหรือมันหวานยังเปี่ยมไปด้วยกรดคาเฟโออิวควินิก (Caffeoylquinic Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านม แต่ก็อย่าเผลอกินมันเทศแบบจัดหนัก เพราะอย่าลืมว่ามันเทศเป็นพืชหัวที่มีคาร์โบไฮเดรตอยู่เยอะ ดังนั้นหากไม่อยากอ้วนก็พยายามอย่ากินเป็นของว่างมื้อดึกก็แล้วกัน

7 ผลไม้ต้านมะเร็ง กินได้ทุกวันทั้งก่อนและหลังป่วย

องุ่น

ทั้งในองุ่นแดงและองุ่นเขียวมีสารที่ช่วยต้านมะเร็งได้ องุ่นเขียวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยให้ร่างกายป้องกันมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมากได้ ในขณะที่องุ่นแดงนั้นช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งและช่วยป้องกันเนื้องอกได้อีกด้วย

7 ผลไม้ต้านมะเร็ง กินได้ทุกวันทั้งก่อนและหลังป่วย

ลิ้นจี่

ผลไม้หอมหวานชื่นใจรสชาติหวานอมเปรี้ยว ในเนื้อลิ้นจี่และเปลือกลิ้นจี่มีสารฟลาโวนอยด์หลายชนิด ซึ่งสารฟลาโวนอยด์ในลิ้นจี่นั้นมีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม

7 ผลไม้ต้านมะเร็ง กินได้ทุกวันทั้งก่อนและหลังป่วย

เบอร์รี่

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่อุดมด้วยสารฟลาโวนอยด์ สารต้านอนุมูลอิสระ และสารที่มีคุณสมบัติต้านเซลล์มะเร็งร้าย โดยงานวิจัยพบว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ โดยเฉพาะบลูเบอร์รี่มีสารพฤกษเคมีจำพวกแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สูง ซึ่งช่วยชะลอการเกิดเซลล์มะเร็ง และลดเซลล์มะเร็งเต้านมในหนูทดลองได้ถึง 60-75% เมื่อเทียบกับหนูทดลองที่ไม่ได้กินบลูเบอร์รีเป็นประจำ