Life Coach...โค้ชชีวิต ทางรอด ทางเลือก จริงหรือ?
Life Coach คืออะไร? ทำไมมันถึงมีบทบาทสำคัญต่อคนในยุคสมัยนี้? มันดีต่อเราจริงหรือ?
โดย...ตุลย์ จตุรภัทร
Life Coach คืออะไร? ทำไมมันถึงมีบทบาทสำคัญต่อคนในยุคสมัยนี้? มันดีต่อเราจริงหรือ? มันกำลังเป็นเทรนด์ใหม่มาแรงจริงหรือ? มันเป็นทางรอด ทางเลือก ให้กับเรา ในเวลาที่เรามีปัญหาไม่ทางใดก็ทางหนึ่งได้จริงหรือ?
วันนี้เรามีคำตอบ!
ในฐานะที่ผมเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มีความสนใจในเรื่องของชีวิต จิตใจ ความสุข และความสำเร็จ เมื่อได้ยินคำว่า Life Coach จึงเกิดความสงสัยว่ามันคืออะไร จนเมื่อได้ไปหาข้อมูล ก็ได้ค้นพบคำตอบจาก Thailand Coaching Academy ที่ให้ความหมายของคำคำนี้ไว้ว่า ไลฟ์โค้ช คือ การช่วยให้ผู้รับการโค้ชได้เข้าใจจุดยืนและความคิดของตนเองในปัจจุบัน เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดต่างๆ ที่ผู้รับการโค้ชมักใช้ปิดกั้นตัวเองโดยไม่รู้ตัว พร้อมกำหนดจุดมุ่งหมายใหม่ที่สร้างสรรค์และชัดเจน สร้างความเชื่อที่เป็นแรงบันดาลใจและทัศนคติที่ดี จึงจะช่วยปิดช่องว่างระหว่างจุดที่อยู่ในปัจจุบัน กับจุดที่ต้องการจะไปให้ถึงในอนาคตอย่างมีความสุขและอิ่มเอม
และเมื่อผมได้มีโอกาสพบเจอกับ โค้ชเปิ้ล-สุวรรณา มิทเชล Napoleon Hill Certified Instructor คนแรกและคนเดียวในประเทศไทย และเป็นผู้ถ่ายทอดหลักปรัชญา 17 ประการแห่งความสำเร็จ ของนโปเลียน ฮิลล์ ให้แก่คนไทย เธอได้บอกเล่าให้ผมฟังว่า โค้ชคือเพื่อนคนหนึ่งที่ร่วมเดินทางในห้วงเวลาหนึ่งไปกับใครอีกคนหนึ่ง โดยนำพาเขาจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
“การโค้ชทำให้ชีวิตของคนคนหนึ่งคืบหน้าไปหนึ่งขั้น แต่ไม่ได้ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ หน้าที่ของโค้ช คือ คอยรับฟัง แต่ไม่แก้ปัญหาให้ แต่สะท้อนให้ใครคนหนึ่งได้เห็นสิ่งที่เขาเป็น เขาคิด เขาวุ่นวายใจ และคอยส่งคำถามเพื่อให้เขาหาคำตอบได้ด้วยตัวของเขาเอง อย่าลืมว่าคนทุกคนมีความคิดเป็นของตนเอง โค้ชจึงคอยกระทุ้งให้ความคิดของเขานั้นพุ่งออกมา เพื่อให้เขาได้เห็น ได้คิดหาทางแก้ไขปัญหาด้วยตัวเขาเอง จบการโค้ช เราก็แยกย้ายกันไป โค้ชจะไม่แบกปัญหาของใครเก็บเอาไว้”
โค้ชเปิ้ล เพิ่มเติมว่า ก่อนที่เธอจะโค้ชใคร เธอต้องเชื่อมั่นว่าคนคนนั้นมีศักยภาพอย่างเต็มเปี่ยมในการที่ทำให้เขาลุกขึ้นยืนและเดินก้าวต่อไปได้ด้วยตัวเขาเอง “เวลามีคนมาบอกเราว่า วันนี้เขาหิวข้าวจังเลย หากเรายื่นปลาเผาให้เขากิน เขาจะไม่มีวันเติบโต แต่หากเราชวนเขามาช่วยกันคิดว่า เอ วันนี้เราจะหาวิธีหาปลาได้ยังไงกัน ได้ปลามาแล้วจะปรุงยังไง หากเราทำอย่างนี้ เขาจะรู้ว่าเวลาที่เกิดปัญหาขึ้นในชีวิต เขาจะจัดระบบความคิดของเขาได้อย่างไร หาทางแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองได้อย่างไร และจะก้าวเดินต่อไปได้อย่างไร ซึ่งเมื่อเขาทำสิ่งเหล่านี้ได้ ชีวิตของเขาจะมูฟออนได้เร็วขึ้น”
พอได้พูดคุยกับ ดร.วรัญญา สะอาดเอี่ยม ริเท็นนิส ผู้ที่สามารถค้นพบตัวตนที่แท้จริง ค้นพบแนวทางแห่งความสุข ความสำเร็จ ความสมดุล จากการเรียนรู้จากศาสตร์ต่างๆ และประสบการณ์ตรงของชีวิตตัวเอง แล้วนำสิ่งเหล่านี้มาแบ่งปันให้เพื่อนมนุษย์ได้ค้นพบในสิ่งที่ตัวเองเคยได้ค้นพบเช่นเดียวกัน (นักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น) ยิ่งทำให้ผมสามารถเข้าใจอะไรๆ ได้มากขึ้น
“ดิฉันมัักคิดเสมอว่าตัวเองคือหูที่คอยรับฟังใครคนหนึ่งอย่างลึกซึ้ง โดยไม่ตีความหรือไม่ตัดสินว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาคนนั้นถูกหรือผิด รวมทั้งเป็นกระจกสะท้อนให้เขาได้เห็นได้เข้าใจในเรื่องราวเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องล้มละลาย หย่าร้าง เป็นมะเร็ง ใช้หนี้ ทำเงินให้งอกเงย หรือคืนดีกับคนรักเก่าแล้วรักกันดีกว่าเดิม ในสเปซว่างๆ สบายๆ ที่มีแค่คนสองคนใช้หัวใจ ความบริสุทธิ์ใจ และความจริงใจ มานั่งพูดคุยกัน”
ดร.วรัญญา เชื่อว่า ไลฟ์โค้ชเป็นหนทางเลือกที่มีบทบาทสำคัญกับคนในยุคสมัยนี้ มันช่วยทำให้ผู้คนได้ค้นพบตัวตน แนวทาง หลักการ ที่เป็นความจริงแบบ universal truth เพื่อให้ผู้คนได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน จนทำให้ชีวิตของเขามีความสุข ความสบายใจ และมีพลังอย่างเต็มเปี่ยมมากยิ่งขึ้น “ท้ายที่สุด เราต้องไม่ยอมให้ใครมายกเราขึ้นหิ้ง เพราะเราก็คือมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ใช่พระเจ้า ซึ่งไลฟ์โค้ชตัวจริง ไม่ใช่เรา แต่คือผู้ที่มารับการโค้ช เราเป็นแค่สเปซว่างๆ เพื่อรับฟังเขา แชร์อะไรบางอย่างให้แก่เขา เพื่อให้เขาได้โค้ชตัวเขาเอง นี่คือความจริงที่ว่า ตน ยังไงก็คือที่พึ่งแห่งตนค่ะ”
จากนักธุรกิจ ผันตัวมาเป็นนักเขียน เป็นวิทยากร และมาเป็นโค้ชในการช่วยเหลือคนให้ค้นพบแนวทางการสร้างความสุขและความสำเร็จในหน้าที่การงานและการทำธุรกิจ โค้ชดำรงค์ พิณคุณ เผยว่า จากประสบการณ์ของการทำไลฟ์โค้ช เขาค้นพบว่าคนที่มีปัญหาชีวิตมีอยู่หลายกลุ่มด้วยกัน
“กลุ่มแรกคือกลุ่มคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรในชีวิต ชีวิตต้องการอะไรกันแน่ กลุ่มที่สองคือกลุ่มที่ใช้ชีวิต แล้วเพิ่งค้นพบว่าตัวเองเดินทางมาผิดทาง แล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่าต้องทำอย่างไรต่อไป กลุ่มที่สามคือกลุ่มคนที่ทำอะไรก็แล้วแต่ เกิดความผิดหวังและล้มเหลวไปแล้ว และไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต
แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนทั้งสามกลุ่มนี้ มันสามารถเกิดขึ้นได้กับเราได้ตลอดชีวิต หากเราไม่ปรับกระบวนการคิดของตัวเราเองให้ได้เสียก่อน”
โค้ชดำรงค์ เผยว่า คนที่เข้ารับการโค้ช ไม่ว่าจะที่ไหน หรือกับใคร หากนำสิ่งที่ได้จากการโค้ชไปปรับใช้กับตัวเองในทุกๆ วันของชีวิต เขาก็จะพบความเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างน่าใจหาย “ที่ถามว่าไลฟ์โค้ชดีต่อเราจริงหรือ มันจะจริงได้ก็ต่อเมื่อเราฝึกคิดฝึกทำในสิ่งที่ีดีและถูกต้องอยู่เป็นประจำ แต่ถ้าเข้ารับการโค้ช แต่ไม่ทำอย่างต่อเนื่องด้วยตัวเอง มันก็เปล่าประโยชน์
ท้ายสุด ผมอยากบอกว่า บางทีชีวิตที่ลองผิดลองถูกมาด้วยตัวเอง เหมือนเราเล่นฟิตเนสด้วยตัวเอง แต่หุ่นก็ไม่ได้ดีอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ หากมีเทรนเนอร์ส่วนบุคคลมาช่วยดูแลส่วนต่างๆ ของร่างกาย ร่างกายก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และเป็นไปอย่างที่ใจต้องการ รู้อย่างนี้แล้วเราจะปล่อยให้ชีวิตต้องลองผิดลองถูกอย่างนี้ให้นานเกินไปทำไม จริงไหมครับ”
มาที่ โค้ชหนุ่ย-ธาดา เศวตศิลา ผู้อำนวยการกลุ่มลูกค้าสถาบันการศึกษา บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น และได้รับประกาศนียบัตร Certificate in Advance Coaching & Mentoring, Institute of Training and Development (ITD) โค้ชหนุ่ยบอกเล่าว่า เมื่อไรก็ตามที่เราทุกคนต้องพูด ต้องเสนอความคิดเห็น แล้วไม่มีใครฟัง เขาจะรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีความสำคัญ การโค้ชจะช่วยทำให้เขารู้สึกเหมือนมีใครฟังเขาพูด ให้ความสำคัญกับเขา ให้เขาได้แสดงความคิดเห็น ได้ระบาย ได้ตั้งเป้าหมาย ซึ่งเมื่อมีใครสักคนฟังเขา เขาจะรู้สึกมีความสำคัญขึ้นมาทันที
“ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ในบ้าน ในโรงเรียน หรือในที่ทำงาน เราทุกคนต่างเป็นโค้ช และเป็นผู้ได้รับการโค้ช เพราะหัวใจสำคัญของการโค้ชคือการให้ความสำคัญกับผู้อื่นด้วยการรับฟัง ฟังแล้วไม่ตัดสิน ไม่ชี้นำ ด้วยความคิดของตัวเอง แม้มันดูเหมือนจะเป็นเรื่องยาก แต่หากเราลองตั้งใจฟัง ฟังอย่างมีประสิทธิภาพ ฟังมากกว่าพูด เราจะสามารถช่วยให้คนพูดคิดหาหนทางด้วยตัวเอง ค้นพบแรงบันดาลใจได้ด้วยตัวของเขาเอง และเขาจะมีความกล้าหาญในการทำในสิ่งที่ดีทำในสิ่งที่ถูกต้องได้มากยิ่งขึ้น”
โค้ชหนุ่ย เผยว่า การโค้ชที่ดีจะช่วยทำให้มนุษย์เราสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการคิด จิตใจ ทัศนคติ อันจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเราเองได้ หากเราเป็นมนุษย์ทำงาน การโค้ชก็จะช่วยทำให้เราสามารถทำงานได้ดีขึ้น ปฏิสัมพันธ์กับคนในที่ทำงานได้ดีขึ้น มีความมุ่งมั่นในการงานเพื่อสร้างผลงานให้ดีขึ้นได้ “เชื่อไหมว่าคนในยุคสมัยนี้ที่ติดโซเชียลมีเดียต่างๆ มากเกินไป เขาสื่อสารผ่านทางการพิมพ์ แต่ไม่ได้พูดไม่ได้ฟังกันอย่างเข้าอกเข้าใจ ผลสุดท้าย พอเขาอยากพูดอยากระบาย แต่พอหันไปหาคนรอบข้าง ต่างก็ติดโซเชียลมีเดียเหมือนกัน และไม่รู้จะรับฟังกันอย่างไร การเข้าหาไลฟ์โค้ชอาจมีเพิ่มมากขึ้น และมันอาจมีบทบาทสำคัญและอาจเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนในยุคสมัยนี้และในอนาคตในท้ายที่สุด”
ท้ายสุด ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับอิมเมจโค้ชและช็อปปิ้งโค้ช นั่นคือ โค้ชวีณา ทองแถม ผู้ซึ่งได้บอกเล่าให้ผมฟังว่า ไม่ว่าผู้ชาย ผู้หญิง หรือเพศใดก็ตาม หากได้รู้จักตัวเราเองอย่างถ่องแท้ แล้วปรับลุคด้วยเสื้อผ้าหน้าผมที่เหมาะกับตัวเรา ชีวิตจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน และมันก็นำมาซึ่งความสุขและความสำเร็จในชีวิตได้เช่นเดียวกัน
“ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นกับตัวเขา ณ วันที่เขาปรับลุคเลย เขาได้เห็นตัวเขาเปลี่ยนไป ภายในก็จะเกิดความสุข ความมั่นใจ ความอิ่มเอม มีพลัง หลังจากนั้น เมื่อเขาปรับลุคใหม่แล้ว โอกาสดีๆ ก็จะมีตามมาอีกมากมาย ประตูหลายๆ บานในชีวิตของเขาก็จะถูกเปิดขึ้น จะมีคนเห็นเขามากขึ้น บางคนไปสมัครงาน ลุคใหม่ของเขาสามารถทำให้เขาเรียกเงินเดือนได้สูงขึ้น เช่น จาก 1 หมื่นบาท สามารถเรียกเงินเดือนได้ 1.5 หมื่นบาท เห็นไหมว่าลุคใหม่สามารถสร้างมูลค่าให้กับเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ”
แน่นอนว่า แม้ว่ากลุ่มที่มาเข้าคลาสกับโค้ชวีณาจะต้องมีกำลังจ่าย พร้อมที่จะลงทุนในส่วนนี้ แต่เธอก็เชื่อมั่นว่า นี่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากถึงมากที่สุด เพราะการเรียนรู้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ที่ดีทั้งนั้น มันคือการพัฒนาชีวิตที่ช่วยปรับทั้งภายนอกและภายในให้กับเราได้
“ตอนนี้การโค้ชไม่ว่าด้านใดก็ตาม มันกำลังเป็นเทรนด์ หากเราสนใจด้านไหน แสดงว่าเราอยากพัฒนาตัวเองในด้านนั้น อาจเริ่มต้นจากการเข้ารับการโค้ชด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่แพงมาก บางที่ก็ฟรี แต่หากเราได้รับการโค้ช ชีวิตเราจะเกิดการพัฒนาอย่างแน่นอน อย่าลืมว่าเราทุกคนเมื่อเติบโตขึ้น ต้องมีการพัฒนา ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่”