posttoday

เจียงจิงกว๋อ-ผู้สร้างไต้หวัน

27 มีนาคม 2558

เจียงจิงกว๋อคือบุตรชายของเจียงเจี้ยสือ หรือที่ชาวไทยรู้จักกันดีในชื่อ “เจียงไคเช็ก” ซึ่งเป็นผู้นำแห่งพรรคก๊กมินตั๋งต่อจาก ดร.ซุนยัดเซ็น

โดย...นิธิพันธ์ วิประวิทย์

เจียงจิงกว๋อคือบุตรชายของเจียงเจี้ยสือ หรือที่ชาวไทยรู้จักกันดีในชื่อ “เจียงไคเช็ก” ซึ่งเป็นผู้นำแห่งพรรคก๊กมินตั๋งต่อจาก ดร.ซุนยัดเซ็น

ท่ามกลางบ้านเมืองระสํ่าระสาย สงครามกลางเมืองระหว่างพรรคก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์และการรุกรานจากญี่ปุ่น เจียงไคเช็กชูนโยบาย “ญี่ป่นสักวันต้องพ่ายแพ้” เร่งขจัดความแตกแยกในประเทศสำคัญกว่า “เขามุ่งปราบปรามเพื่อนร่วมชาติที่คิดต่างด้วยวิธีการสังหารหมู่และก่อสงครามเต็มรูปแบบกับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์หลายต่อหลายครั้ง

ปรากฏว่ายิ่งนานวัน เจียงไคเช็กกลับกลายเป็นผู้สร้างความแตกแยกที่ควรถูกขจัด

เจียงไคเช็กถูกลูกน้องคนสนิทจับตัวบังคับให้ร่วมมือกับพรรคคอมมิวนิสต์ต่อต้านญี่ปุ่นนับจากวิกฤตภายในพรรคก๊กมินตั๋งครั้งนั้น อํานาจบารมีและพื้นที่ทางการเมืองของเจียงไคเช็กถึงขาลงอย่างชัดเจน

ช่วงระยะเวลานนั้นลูกชายของเขา เจียงจิงกว๋อ เดินทางกลับจากการศึกษาและทํางานที่มอสโกแล้วเริ่มมีบทบาททางการเมืองในพรรคก๊กมินตั๋ง ในฐานะบุคลากร ผู้เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างก๊กมินตั๋งและโซเวียต

สาเหตุที่เจียงจิงกว๋อได้ไปศึกษาที่มอสโก ทั้งๆ ที่ดูเหมือนเป็นแนวคิดฝั่งตรงข้ามกับเจียงไคเช็กผู้พ่อ เพราะช่วงหนึ่งของการปฏิวัติจีนของ ดร.ซุนยัดเซ็น  ก๊กมินตั๋งต้องการศึกษารูปแบบการปฏิวัติของพรรคบอลเชวิก (โซเวียต)

ด้วยแนวคิดที่ได้จากระบบสังคมนิยม จึงทำให้การเคลื่อนไหวทางการเมืองของลูกชายสวนทางกับหนทางของพ่อ  เจียงจิงกว๋อเริ่มเข้าบริหารเขต “หนานกาน” เขตการเมืองพิเศษแห่งหนึ่งของก๊กมินตั๋ง ว่ากันว่าช่วงเวลาที่เจียงจิงกว๋อดูแล “หนานกาน” อยู่ มีความเป็นสังคมนิยมมากกว่าเขตอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์เสียอีก

เจียงจิงกว๋อใส่เสื้อผ้าง่ายๆ แบบชาวบ้าน รองเท้าฟาง ลงพื้นที่ทํานาร่วมกับชาวนาเสมอ ไม่เคยวางมาดผู้ปกครองแต่อย่างใดและชูนโยบาย “เป็นขุนนางอย่าเข้ามารํ่ารวยเงินตราเชิญออกไป”

สงครามพลิกผันนักการเมืองไม่นิ่ง เจี่ยงจิงกว๋อถูกโยกย้ายมารับตําแหน่งผู้ว่าเมืองเซี่ยงไฮ้เขามุ่งมั่นปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น อย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่เว้นกระทั่งญาติตัวเอง แต่สิ่งที่เจียงจิงกว๋อต้องพบกลับตรงกันข้ามกับดินแดนในอุดมคติแบบหนานกาน เซี่ยงไฮ้เต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่นและกลุ่มอิทธิพลและขวากหนามสําคัญคือ หากปราบคอร์รัปชั่นเช่นนี้ต่อไป โครงสร้างทางอํานาจในพรรคของเจียงไคเช็กจะต้องสั่นคลอน เพราะบรรดาพวกทุจริตคอร์รัปชั่นทั้งหลายก็คือบรรดาผู้ค้ำอำนาจของพรรคก๊กมินตั๋งเจียงไคเช็กผู้พ่อต้องเผชิญทางเลือก

“ปฏิรูปสําเร็จต้องสิ้นพรรค ปฏิรูปไม่สำเร็จต้องสิ้นชาติ” เจียงไคเช็กทําข้อแรกไม่สำเร็จ  ผลจึงเป็นข้อสอง เจียงจิงกว๋อเหมือนยาขนานเอก จํานวนน้อยที่มาเยียวยาคนไข้ช้าไป

ในที่สุดเจียงไคเช็กก็พ่ายแพ้แก่พรรคคอมมิวนิสต์ ต้องหนีข้ามไปเกาะไต้หวันสาเหตุหนึ่งของการพ่ายแพ้ คือไม่ได้ใจประชาชน เพราะปัญหาคอร์รัปชั่นและความไม่จริงใจต่อการแก้ปัญหาการรุกรานจากญี่ปุ่น

หลังข้ามไปไต้หวันเจียงไคเช็กสูญเสียความนิยม เจียงจิงกว๋อบุตรชายของตนจึงขึ้นเป็นผู้บริหารแทน เป็นผู้นำรุ่นที่ 3 ของก๊กมินตั๋ง

ที่ไต้หวันเจียงจิงกว๋อเร่งปฏิรูปที่ดิน เพิ่มผลผลิต ปัญหาที่ตกค้างมาจากสงคราม เช่น การอพยพข้ามมาไต้หวันของทหารก๊กมินตั๋งจำนวนมาก เจียงจิงกว๋อก็ให้นํากําลังพลมาพัฒนาชาติ สร้างทางเชื่อมฝั่งตะวันออกและตะวันตก แก้ปัญหากําลังพลที่ยังอาจต้องใช้ในสงครามยึดแผ่นดินใหญ่คืน ในขณะเดียวกันก็ได้พัฒนาไต้หวันไปในตัว  เส้นทางตัดเชื่อมไต้หวันสายนี้เป็นคุณประโยชน์ให้กับไต้หวันมหาศาล

เมื่อทําโครงการตัดถนนเชื่อมฝั่งเกาะเส้นนี้เจียงจิงกว๋อลงดูสำรวจพื้นที่ด้วยตัวเองภาพลักษณ์ที่เขาเดินสํารวจทางร่วมกับคณะสำรวจ ล้มลุกคลุกคลาน  ลงดื่มนํ้าจากแม่น้ำข้างทางเหมือนๆ กับทุกคนที่ร่วมก่อสร้างเส้นทาง ยังคงติดอยู่ในใจของชาวไต้หวันหลายๆ คน และด้วยความล้าสมัยของเทคนิคการก่อสร้างทางสมัยนั้น ทหารช่างจํานวนไมน้อยต้องสูญเสียชีวิตไป เจียงจิงกว๋อต้องหลั่งน้ำให้กับผู้เสียสละอยู่เสมอ

อย่างไรก็ดี สภาพการเมืองสมัยนั้นไม่ได้สวยหรูตามอุดมคติอย่างที่หลายๆ คนคาดหวัง (อันที่จริงในโลกนี้ก็ไม่เคยมีการเมืองตามอุดมคติอยู่แล้ว) สงครามที่มีทีท่าว่าจะเกิดได้ทุกเมื่อ แนวคิดที่จะต้องเตรียมกลับไปยึดจีนแผ่นดินใหญ่อีกครั้งที่ี่ริบหรี่เรื่อยๆ ความไม่ไว้ใจที่สหรัฐอเมริกามีต่อเจียงจิงกว๋อ(เนื่องจากเขาดูเอนเอียงไปทางสังคมนิยม) รวมถึงความขัดแย้งทางการเมืองภายใน การยอมรับจีนแผนดินใหญ่ขององค์การสหประชาชาติจนถึงการตัดสัมพันธ์ของสหรัฐอเมริกาต่างเป็นอุปสรรคที่เขาต้องก้าวผ่าน ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกลอบยิงประชิดตัวจากผู้ต่อต้านพรรคก๊กมินตั๋งแต่ก็รอดมาได้

ในสมัยของเจียงจิงกว๋อการทุจริตคอร์รัปชั่นไม่ปรากฏ ว่ากันว่าทั้งชีวิตเจียงจิงกว๋อใช้แต่รถยนต์มือสองมาตลอด เขาสมถะ เข้มงวด แต่ในขณะเดียวกันก็อ่อนโยนและเห็นอกเห็นใจผู้ใต้บังคับบัญชาชาวไต้หวันเทคะแนนความนิยมให้กับเจียงจิงกว๋อจนถึงทุกวันนี้

แม้ได้รับความนิยมและมีอํานาจล้นเหลือ ปลายช่วงชีวิตของเจียงจิงกว๋อเขากลับกล้าประกาศว่า “อํานาจการปกครองประเทศจะต้องไม่เป็นของตระกูลเจียงอีกต่อไป”

น่าเสียดายความสมถะเข้มงวดของเขา เป็นได้ก็แต่บารมีส่วนตัวเท่านั้น มิได้ปักหลักลงในโครงสร้างราชการ หลงสิ้นเจียงจิงกว๋อ ไต้หวันพบกับยุคแห่งการคอร์รัปชั่นครั้งใหญ่ ตําแหน่งสุดท้ายของประธานาธิบดีคนแล้วคนเล่าจบลงที่ห้องขัง

อันที่จริงความสําเร็จในการปฏิรูปและพัฒนาไต้หวันคงอาศัยเจียงจิงกว๋อคนเดียวทําไม่ได้ เพราะหากเครือข่ายอํานาจที่หนุนพรรคก๊กมินตั๋งไม่ถูกพรรคคอมมิวนิสต์ตีกระเจิง หรือหากพรรคก๊กมินตั๋งยังคงยึดพื้นที่ในแผ่นดินใหญ่ไว้ได้โอกาสของเจียงจิงกว๋อก็คงยิ่งน้อยลงทุกที  จะปฏิรูปที่ดินจัดสรรให้ผู้คนได้อย่างไร  เพราะที่ดินนั้นเป็นของเหล่าผู้มีบารมีในพรรค จะขจัดคอร์รัปชั่นได้อย่างไร  เมื่อมือไม้ทั้งหลายที่พรรคใช้งานอยู่ต่างคอร์รัปชั่น

ผู้กล้าที่โดดเดี่ยวมักพ่ายแพ้ แก่เครือข่ายอํานาจ

แต่หากจะบอกว่าความสําเร็จของไต้หวัน ถึงไม่ใช่เจียงจิงกว๋อ คนอื่นทําก็ต้องประสบความสําเร็จอยู่ดีก็คงจะไม่ใช่  เพราะหากปราศจากบุคลิก วิสัยทัศน์ และบารมีส่วนตัวของเขาแล้วไต้หวันคงไม่เป็นอย่างทุกวันนี้

ปราชญ์จีนว่าไว้ สิ่งต่างๆ จะสำเร็จได้ด้วย ฟ้าดิน และคน บางครั้งคนพยายาม แต่ฟ้าไม่ให้ ดินไม่พร้อม สิ่งนั้นก็ไม่สําเร็จ บางครั้งฟ้าพร้อม ดินพร้อม คนไม่ทำ  โอกาสปรับปรุงเปลี่ยนแปลงก็ผ่านเลยไปหน้าที่ของคนเราคือทําให้เต็มที่ แล้วปล่อยจิตให้วางความสําเร็จและล้มเหลวลงให้ได้ หากทุกอย่างพร้อม สักวันจะเกิดความเปลี่ยนแปลง และหากคนคนนั้นคือผู้นำ การเปลี่ยนแปลงนั้นย่อมขยายวงได้กว้างสะเทือนถึงฟ้าและดิน