posttoday

เทรนด์ความงาม ตามหาความสวยด้วยวิธีไม่ธรรมดา

25 กุมภาพันธ์ 2558

ด้วยวิทยาการที่ก้าวล้ำ สุภาพสตรีก็มีวิธีกระชากวัยให้กลับไปอ่อนเยาว์ด้วยวิธีแปลกๆ ดังเช่น ดาราฮอลลีวู้ด

โดย...มีนา ภาพ : พอนด์ส

ด้วยวิทยาการที่ก้าวล้ำ สุภาพสตรีก็มีวิธีกระชากวัยให้กลับไปอ่อนเยาว์ด้วยวิธีแปลกๆ ดังเช่น ดาราฮอลลีวู้ด มีทั้งที่นำมูลนกไนติงเกลมาทาบนหน้า ว่ากันว่าเป็นสูตรการดูแลผิวให้อ่อนเยาว์ตำรับดั้งเดิมของเหล่าเกอิชาชาวญี่ปุ่น หรือจะเป็นพิษงูที่เชื่อกันว่าจะช่วยสลายริ้วรอย และรอยเหี่ยวย่นได้ รวมทั้งพิษของผึ้ง หรือการดีท็อกซ์เลือดโดยการให้ปลิงดูดเลือด แต่ไฮโซสุดๆ คือการอาบหมักบ่มผิวด้วยไวน์แดง

สำหรับเมืองไทยก็มี “อะเมซิ่ง ความสวย” เช่น การใช้เลือดของตัวเองมาปั่นแล้วนำสารที่ช่วยฟื้นฟูผิวผสมเลือดแล้วฉีดกลับสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายที่เชื่อกันว่าจะช่วยผลิตคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูผิวให้กลับมาขาวใสเหมือนวัยแรกสาว หรือการใช้เมือกหอยทากที่ทั้งใช้ตัวเป็นๆ เดินบนใบหน้า และการสกัดเมือกหอยทากเมืองไทยกลายเป็นเมือกบริสุทธิ์ทาบนผิวหน้า ซึ่งเป็นผลการวิจัยของคณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาชีววิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้รับความนิยมมาก ผลิตจำหน่ายไม่ทันตามความต้องการเลยทีเดียว

สวยด้วยพิษผึ้ง

ที่บ้านเราสวยด้วยพิษผึ้งยังไม่แพร่หลายนัก มีเฉพาะผลิตภัณฑ์ในรูปของครีมพิษผึ้งออกมาจำหน่ายให้คนเฉพาะกลุ่มในออนไลน์เท่านั้น “พิษผึ้ง”อย่าคิดว่าการเอาผึ้งมาต่อยที่หน้าแล้วจะสวยได้ พิษผึ้งต้องผ่านกระบวนการผสมกับสารเคมีบางชนิดกลั่นออกมาเป็นครีมพิษผึ้ง พิษผึ้งที่ว่าเป็นการสกัดมาจากเหล็กไนของผึ้งที่เรียกว่า Bee Venom ซึ่งประกอบไปด้วยสารฮิสตามิน เซอโรโตนิ โดพามิน อะพามิน กรดอะมิโน และเอนไซม์ต่างๆ ที่เชื่อกันว่าสารดังกล่าวจะสามารถช่วยกระตุ้น สร้างเส้นใยอิลาสติน และคอลลาเจนของผิว

เทรนด์ความงาม ตามหาความสวยด้วยวิธีไม่ธรรมดา

สวยด้วยเมือกหอยทาก

สำหรับเมืองไทยเมือกหอยทากรู้จักกันมาราว 3 ปีแล้วจากผลิตภัณฑ์ของเกาหลี แต่เมื่อไม่นานมานี้ประเทศไทยมีข่าวว่ามีนักธุรกิจชาวฝรั่งเศสที่มาอยู่เมืองไทยราว 20 ปี ได้นำหอยทากสายพันธุ์ฝรั่งเศสเข้ามาให้บริการด้านความงามที่เชียงใหม่เป็นเจ้าแรกของประเทศ ที่สร้างความแตกตื่นให้สาวๆ ที่รักด้านความงามและอยากลองอะไรใหม่ๆ จองคิวยาวข้ามอาทิตย์เพื่อใช้บริหารหอยทากไต่บนผิวหน้า แล้วยังมีนักแสดงสาวๆ ไปลองใช้บริการกันหลายคน

นิมมิดา วรนิธิศ คือหนึ่งในหญิงสาวที่เคยไปใช้บริการถึงเชียงใหม่บอกว่า ที่อยากใช้บริการเพราะชอบลองอะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับวงการความงาม เวลาที่หอยทากเดินบนผิวหน้า 3 ตัว ราว 30 นาทีก็ให้ความรู้สึกที่ดี หลังจากนั้นพนักงานก็จะนำเมือกที่หอยทากคายออกมานวดบนใบหน้าก็ให้ความรู้สึกชุ่มชื้น ผิวพรรณรู้สึกถึงความสดชื่น

“ที่อยากไปลองใช้บริการเพราะคิดว่าเมือกหอยทากที่ออกมาสดๆ จากตัวทากมีความบริสุทธิ์ ไม่ใช่ครีมที่มีส่วนผสมของสารเคมีอื่นๆ ให้ความรู้สึกที่ดี จึงอยากลองทรีตเมนต์ที่เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ ยิ่งเพิ่งมีในไทยก็ยิ่งดึงดูดใจ คิดว่าเป็นเทรนด์ใหม่ที่คนให้ความสนใจและน่าจะได้รับความนิยมไปอีกนาน เนื่องจากปัจจุบันคนมองหาอะไรที่บริสุทธิ์ที่มาจากธรรมชาติแท้ๆ”

เทรนด์ความงาม ตามหาความสวยด้วยวิธีไม่ธรรมดา

 

เมือกหอยทากสร้างความฮือฮาให้วงการวิจัยด้านชีววิทยา โดยนักวิจัยนำโดย ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญหา อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยซิสเทมาติกส์ของสัตว์ ได้ทำการวิเคราะห์ทางเคมีของเมือกหอยทากไทย ได้แก่ หอยทากสยาม และหอยทากนวล มานานนับ 20 ปี และพบว่าอุดมไปด้วยสารนานาชนิดที่มีประโยชน์ต่อการซ่อมแซมและบำรุงผิวพรรณ จึงได้คิดค้นสารสกัดจากเมือกหอยทากสำเร็จ โดยเป็นสูตรเฉพาะที่ผสมเมือกทากของหอยทากหลายชนิด และควบคุมเมือกเหล่านั้นให้มีคุณภาพสูง โดยทำให้บริสุทธิ์ มีปริมาณโปรตีนสูง สดใหม่ อุดมด้วยสารออกฤทธิ์ที่เข้มข้นในการปกป้องผิวให้อ่อนนุ่ม ชุ่มชื้น กระชับ และอ่อนเยาว์ ซึ่งจุฬาฯ พร้อมร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมในการนำไปต่อยอดสร้างนวัตกรรม และเพิ่มมูลค่าสินค้าความงามและเครื่องสำอางไทย

“เมือกหอยทากที่เกี่ยวกับเรื่องความงาม พูดกันตั้งแต่สมัยกรีกโรมันแล้ว นักปรัชญาชาวกรีกได้ทำการเลี้ยงหอยทาก มือของเขาได้สัมผัสกับเมือกหอยทากทุกวัน และพบว่ามือของเขามีผิวพรรณที่เนียนตลอด อีกทั้งหอยทากมีอายุสืบทอดกันมาเป็นล้านๆ ปี เราใช้คำว่า หอยทากเป็นพลวัตอมตะแห่งผิวพรรณ แม้โลกเปลี่ยนแปลงเป็นปกติธรรมดา ไม่หยุดนิ่งตลอดเวลา แต่หอยทากก็ยังมีเปลือกและตัวที่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

มาจนยุคปัจจุบันที่หอยทากมาบูมด้านเครื่องสำอางที่เกาหลี และฝรั่งเศส หอยทากของฝรั่งเศสคือ เอสคาโก้ ที่เขาทำการวิจัยว่ามีสารตั้งแต่ไฮยาลูโรนิก ซึ่งมีคุณสมบัติดูดน้ำ ทำให้เนื้อเยื่อผิวแข็งแรง เปล่งกระชับ ชุ่มชื่น กรดไกลโคลิก คือกรดอ่อนๆ สามารถแทรกซึมเข้าชั้นผิวหนัง ช่วยผลัดเซลล์ที่ตายออก อะลันโทอิน สารธรรมชาติกระตุ้นให้สร้างเซลล์ใหม่ ซ่อมแซมผิวหน้า มีการรับรองทางการแพทย์ผิวหนังตั้งแต่สมัยโบราณ อีกทั้งหอยทากทั่วไปยังมีสารแอนติออกซิแดนต์ และแอนติแบคทีเรีย

เทรนด์ความงาม ตามหาความสวยด้วยวิธีไม่ธรรมดา

ที่สำคัญหอยทากไทย คือ หอยนวลและหอยทากสยาม จากการทำการวิจัยนาน 20 ปีพบว่ามีสารอีก 2 ตัวเพิ่มมาจากหอยทากจากยุโรป คือ มีเชื้อต่อต้านแอนตี้ฟังกัส หรือสารต้านเชื้อราด้วย ผลวิจัยพบว่าทำให้เชื้อราไม่เติบโต หายไปถึง 59% ทำให้เราเห็นชัดถึงความหลากหลายของบ้านเรา”

เมือกหอยทากสกัดสดกับเมือกที่ออกสดๆ จากเท้าหอยทากเป็นๆ สิ่งไหนอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากกว่ากัน ศ.ดร.สมศักดิ์ กล่าวว่า หอยทากสดๆ เดินบนหน้า เราได้เมือกสดก็จริง แต่เมือกทากหากให้ปลอดภัยควรผ่านการกรอง เพราะหอยเดินบนหน้า เมือกมาจากเท้าของหอย ขณะที่หอยเดินหอยจะปล่อยเมือกสำหรับเดินบนพื้น แต่เมือกที่นำมาใช้ในวงการความงามเป็นเมือกที่มาจากเนื้อเยื่อ “แมนทัล” คือแผ่นที่ใช้สร้างเมือกชโลมตัวทำให้ผิวหนังของมันนุ่มกระชับ ซึ่งเป็นเนื้อที่อยู่ใกล้ๆ กับเปลือกของหอย

“เท้าหอยทากมีองค์ประกอบโพลิเมอร์ช่วยเดิน จึงไม่มีสารไฮยาลูโรนิก และอื่นๆ ทำให้ประสิทธิภาพในการบำรุงดูแลผิวไม่ดีเท่า เราไม่เอาหอยมาเดินบนหน้าเพราะเราควบคุมเชื้อโรคต่างๆ ไม่ได้ เราต้องผ่านกระบวนการที่นำแมนทัลมาสกัด ผ่านกระบวนการกรองให้เรียบร้อย แล้วนำไปตรวจเชื้อให้มีองค์ประกอบที่ดีครบ กว่าจะนำไปใช้ได้ต้องมีโปรตีนครบ เราต้องควบคุมการผลิตทั้งหมด อีกทั้งอาหารของหอยนวลคือเห็ด เห็ดมีสารที่อุดมสมบูรณ์ หอยของเราพบคุณลักษณะที่พิเศษ มันกินเห็ดที่มีทั้งขึ้นรา ดังนั้นหอยทากนวลจึงมีน้ำยกำจัดเชื้อราในตัวได้ แล้วเราสกัดเป็นเมือกสดบริสุทธิ์ แต่เมื่อผลิตแล้วต้องใช้หมดภายใน 2 สัปดาห์ หากใช้ยังไม่หมดให้ใส่ไว้ในตู้เย็น เพราะเราเน้นความสด”

ล่าสุดนี้ มีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต่างๆ มาออร์เดอร์เมือกสดๆ ของหอยทากไทยไปผลิตเครื่องสำอางจาก “สยาม สแนล” เป็นจำนวนมาก

เทรนด์ความงาม ตามหาความสวยด้วยวิธีไม่ธรรมดา

สวยด้วยเลือดตัวเอง

พญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ กล่าวถึงเทรนด์ทำหน้าให้กระชับของบรรดาดาราฮอลลีวู้ด ด้วยเทคโนโลยี “แวมไพร์ เฟซ ลิฟท์” เป็น เทคนิคการลดเลือนริ้วรอยล่าสุด จากการค้นคว้า พัฒนา  โดยใช้กรรมวิธีทาง Biotechnology ขั้นสูง แยกเอาสารสำคัญที่ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของเซลล์ที่มีอยู่ในเลือด และนำมาผสมกับสารไฮยา (HA) ที่เป็นสารธรรมชาติของร่างกาย แล้วฉีดเข้าไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น ใบหน้า ลำคอ หรือบริเวณมือ ที่เชื่อกันว่าจะช่วยด้านริ้วรอย ทำให้เกิดการฟื้นฟู เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่จำนวนมากด้วยตัวเอง

“การใช้เลือดตัวเองมาฟื้นฟูตัวเองที่สหรัฐนิยมมานานกว่า 2 ปีแล้ว ตอนนี้ก็ยังฮิตอยู่เพราะเชื่อกันว่าเป็นทรีตเมนต์ที่ให้ผลที่ดีหากทำอย่างต่อเนื่อง เช่น ดาราก็จะมาอัพหน้า 3-6 เดือนครั้ง สิ่งที่ทำให้แวมไพร์นิยมในหมู่คนไทยเพราะบางคนไม่อยากให้หน้าโดนเลเซอร์ คนที่นิยมทำคือผู้ที่มีอายุ 35 ขึ้นไป ไปจนถึงอายุ 80 ปี แบ่งเป็นผู้หญิง 70% อีก 30% เป็นผู้ชาย เทคโนโลยีนี้มีมา 2 ปีแล้ว ปัจจุบันก็ยังไม่ตกความนิยม และยังไม่มีอะไรใหม่มาแทนที่ ส่วนค่าบริการตกครั้งละ 3-4 หมื่น สามเดือนทำหนหนึ่ง ชาวต่างชาติก็ชอบมาทำกันมากด้วยเช่นกัน”

กลยุทธ์ความงามกระตุ้นตลาด

อะไรทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และนวัตกรรมด้านความงามออกสู่ท้องตลาดอยู่อย่างสม่ำเสมอ ศ.ดร.สมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นกระแสของเทรนด์ความงาม เช่น เมือกหอยทากน่าจะได้รับความนิยมไปอีกนาน เพราะประเทศไทยมีหอยทากมากกว่า 600 ชนิด กินเป็นอาหารและเพาะพันธุ์ได้ หรือแมงกะพรุน หอยเม่นก็มีข่าวว่านักวิจัยค้นคว้าด้านผลิตภัณฑ์ความงามได้นำสารบางชนิดที่อยู่ในตัวแมงกะพรุนและหอยเม่นมาสร้างเป็นเทรนด์ความงามใหม่ๆ เนื่องจากสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีการสร้างสรรค์ป้องกันเพื่อความปลอดภัยของตนเองในหลายรูปแบบ แต่การคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ก็เป็นการกระตุ้นกระบวนการทางการค้า ให้เกิดเทรนด์ใหม่ๆ เพื่อเป็นช่องทางในการทำการตลาดใหม่ๆ

“สัตว์ตามธรรมชาติแต่ละชนิดมีสารป้องกันตัวเองอยู่แล้ว ก็มีการผูกเรื่องใหม่ๆ เพื่อขายเป็นโปรดักต์ใหม่ๆ ซึ่งผลิตภัณฑ์บางอย่างจากสัตว์ก็ยั่งยืน ตอนนี้ก็มีพิษผึ้งเนื่องจากพิษผึ้งอาจมีสารกำจัดเชื้อโรคมากกว่า ถ้าเราเชื้อโรคได้ก็ไม่ทำให้เกิดสิว หรือความหมองคล้ำ ซึ่งสัตว์แต่ละชนิดมีสารจำกัดเชื้อโรคต่างๆ เพราะสัตว์มีกระบวนการป้องกันตัวเองอยู่แล้ว”

เทรนด์ความงาม ตามหาความสวยด้วยวิธีไม่ธรรมดา

 

สุดท้าย ศ.ดร.สมศักดิ์ อยากแนะนำเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ด้านความงามที่มาจากสัตว์ว่า ตามเทรนด์ได้ แต่จะใช้อะไรต้องศึกษาให้ดีก่อน เพราะพิษจากสัตว์บางอย่าง อาจทำให้เกิดภูมิแพ้ขึ้นมาได้ เพราะโปรตีนบางอย่างจากสัตว์ร่างกายมนุษย์เราก็รับไม่ได้ เช่น พิษจากสัตว์ทะเลต้องยิ่งระวังให้มาก เพราะมีท็อกซิน คือสารโปรตีนที่เป็นพิษอยู่มาก ดังนั้นเราต้องระวัง เพราะอาจทำให้ผิวแพ้ เห่อ ผิวอักเสบไปเลย เพราะสารอาจทำให้เนื้อเยื่อผิวหนังจัดเรียงตัวผิดปกติ หรือทำลายเซลล์ผิวมนุษย์ก็ได้

“อย่างพิษของผึ้งอาจเหมาะกับคนยุโรป แต่ไม่เหมาะกับผิวคนไทย เพราะสารบางอย่างเป็นสารชีวภาพ เราควรใช้ผลผลิตทางชีวภาพของคนบ้านเราเอง เพราะหากเป็นผลผลิตทางชีวภาพจากที่อื่น สารบางอย่างร่างกายคนไทยไม่รับอาจแพ้ทำให้ช็อกเลยก็ได้ หรือไปบล็อกการหายใจ ก็อาจมีได้เหมือนกัน เช่น บางคนถูกผึ้งต่อยไม่เป็นไร แต่บางคนถึงขั้นโคม่าก็ต้องระวัง”

ในด้านวงการแพทย์ พญ.ศศิวรินทร์ เชิญรุ่งโรจน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ กล่าวว่า เมื่อมีวิธีทำสวยแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นในมุมมองทางการแพทย์ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือก แต่จะได้ผลหรือไม่อย่างไร เราต้องศึกษาอย่างจริงจัง ผลิตภัณฑ์บางอย่างอาจใช้ดีกับบางคน จึงเกิดเป็นกระแสความนิยมขึ้น

“ดิฉันคิดว่าเทรนด์ความงามเป็นกระแส เพราะสังคมกำลังมองหาว่ามีอะไรใหม่ อะไรอยู่ในเทรนด์ ซึ่งการตามเทรนด์ แต่ไม่ได้เหมาะกับเราเสมอไป ดิฉันอยากให้พบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ ว่าอะไรเหมาะกับผิวเราหรือผิวเราเป็นแบบไหน ศึกษาถึงผลวิจัยของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ให้ดีก่อนใช้จริง เพราะผลิตภัณฑ์อยู่ในอินเทอร์เน็ตมันก็เพิ่งมา อาจจะดังเพราะการโปรโมทก็ให้ระวัง เพราะบางคนก็หน้าพังเพราะตามกระแสที่มีคนบอกว่าดี เพราะมันเป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่เขาคิดว่าดี แต่ทางการแพทย์อะไรดี ไม่ดีต้องผ่านการวิจัยกับคนหมู่มาก เราจึงจะเชื่อถือได้ว่าปลอดภัยจริงๆ”