posttoday

ต้นไม้มีค่าของ แอนดรูว สตีล

01 พฤศจิกายน 2557

“แอนดรูว สตีล” อดีตข้าราชการกองทัพเรืออังกฤษที่รับราชการมานานกว่า 13 ปี

“แอนดรูว สตีล” อดีตข้าราชการกองทัพเรืออังกฤษที่รับราชการมานานกว่า 13 ปี ช่วงหนึ่งเขาได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องพลังงานโรงไฟฟ้าที่ประเทศศรีลังกาแต่ใครจะรู้ว่าการใช้ชีวิตต่างเมืองต่างภาษาจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้ชายคนนี้มีโอกาสได้รู้จักการบริหารและดูแลต้นไม้ให้เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถลงทุนได้ด้วย

เขาบอกว่า ตอนนั้นใช้ชีวิตของการเป็นทหารอังกฤษธรรมดาที่มาอยู่ต่างประเทศ และรู้จักเพียงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เล็กๆ ธรรมดา ก็ได้เปิดมุมมองว่าต้นไม้เป็นสิ่งที่ได้ประโยชน์ต่ออากาศและต่อระบบนิเวศต่างๆ แล้ว ยังทำให้เกิดประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจด้วย

ดังนั้น จึงบอกกับตัวเอง วันหนึ่งจะศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง จนวันนี้เขามีตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรีด้อม กรุ๊ป ที่มีบริษัทย่อยคือ บริษัท เอเชีย ฟอเรสตรี้ แมนเนจเม้นท์ ที่ทำธุรกิจการบริหารจัดการป่าไม้ และการดูแลแปลงปลูกต้นกฤษณา และพัฒนาเป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์เครื่องหอมกลิ่นน้ำมันกฤษณาภายใต้แบรนด์ “ดาร์ อัล อูด”

ต้นไม้ที่เขาเลือกบริหารจัดการคือต้นกฤษณา ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันอยู่แล้วว่าเป็นไม้หอมชั้นสูง และมีคุณค่าในเชิงเศรษฐกิจมากเพราะแปลงปลูกของต้นกฤษณาจะต้องมีน้ำและดินที่มีความอุดมสมบูรณ์มีแร่ธาตุและสารอาหารที่มาก

เขาเลือกสถานที่ใน จ.ตราด ของไทย เป็นที่ปลูก เพราะหลังจากที่ได้ทำการทดสอบในหลายพื้นที่ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ไทยหลายแห่งแล้ว พบว่าการปลูกกฤษณาที่ จ.ตราดนี้ทำให้ได้น้ำมันกฤษณาที่มีคุณภาพ

พันธุ์ที่บริษัทคัดเลือกมาปลูกคือ Aquilaria Crassna ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ที่มีมูลค่าสูงและหายาก และได้รับการจดทะเบียนเป็นไม้อนุรักษ์ใกล้สูญพันธุ์ตามอนุสัญญาไซเตสเพื่อดำเนินการตามอุดมการณ์อนุรักษ์ป่าไม้
อีกทั้งเป็นการปลูกได้ดี หรือมีประมาณเพียง 7 ประเทศในโลกที่สามารถปลูกต้นกฤษณาได้ดี ส่วนใหญ่อยู่ในเส้นศูนย์สูตรกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ต้นไม้มีค่าของ แอนดรูว สตีล

 

สิ่งที่มีค่ามากกว่านั้นคือ น้ำยางที่มีกลิ่นหอมที่เรียกกันว่า “สารกฤษณา”สามารถนำไปเป็นสารตั้งต้นของเครื่องสำอางหรือน้ำหอมหลายประเภท แต่ต้นกฤษณาที่เติบโตตามธรรมชาติจะต้องใช้เวลาเป็นหลายสิบปีกว่าจะผลิตสารนี้ออกมาได้

บริษัทได้ทดลองวิจัยคิดค้นนานกว่า 15 ปี จนสามารถพัฒนาสูตรสารกระตุ้นที่พร้อมฉีดให้ผู้ที่ร่วมปลูกต้นกฤษณากับบริษัทให้สามารถผลิตสารกฤษณาได้ภายใน 1-2 ปี จนสามารถกลั่นน้ำมันจากไม้กฤษณาออกมาได้อย่างบริสุทธิ์ที่สุดที่เรียกกันว่า “Oud” หรือ “Oudh”

ดังนั้น จึงถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่จะช่วยให้ชาวบ้านหรือคนไทยในแถบภาคตะวันออก โดยเฉพาะที่ จ.ตราด ได้ประโยชน์จากการปลูกต้นกฤษณา ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่ปลูกทั้งหมด 31 แปลงปลูกมีต้นกฤษณาทั้งหมด 1.82 แสนต้น บนพื้นที่ 1,619 ไร่ โดยจะมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญกว่า 100 คน เข้าไปช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด 24 ชั่วโมง และอีก 1-2 ปีจะปลูกเพิ่มเป็น 2,000 ไร่ หรือเพิ่มจำนวนต้นกฤษณาประมาณ 7.5 หมื่นต้น/ปี

“บริษัทอาจจะเป็นบริษัทหนึ่งที่มีการบริหารจัดการต้นกฤษณาไปตลอดจนถึงผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ ชาวบ้านจะทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของบริษัท โดยบริษัทจะไปตั้งโรงงานใกล้กับพื้นที่ปลูกเพื่อการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการคงความสดใหม่เพื่อรักษาคุณภาพของน้ำมันกฤษณาไว้ ปัจจุบันสามารถผลิตน้ำมันเฉลี่ย 20-30 ซีซี/ต้นไม้”

ปัจจุบันการปลูกนต้กฤษณาไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคน้ำมันกฤษณาและผลิตภัณฑ์จากไม้กฤษณา ตลาดหลักหรือกลุ่มคนที่บริโภคน้ำมันกฤษณาคือ คนมุสลิมที่อยู่ในประเทศแถบตะวันออกกลาง ปัจจุบันส่งออกไปกลุ่มนี้ 80% รองลงมาคือ กลุ่มยุโรป ซึ่งบริษัทส่งออกไป 20% เพราะที่ยุโรปมีคนอาหรับไปทำธุรกิจและอาศัยเป็นหลักล้านคน คนอาหรับมีการใช้น้ำมันกฤษณาเป็นจำนวนมาก เพราะเชื่อว่าเป็นน้ำมันที่สะอาด บริสุทธิ์ และศักดิ์สิทธิ์ เพราะสกัดมาจากพืช และมักนำมาใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญ

ต้นไม้มีค่าของ แอนดรูว สตีล

 

น้ำมันกฤษณายังเป็นส่วนผสมหลักในการผสมน้ำหอมแบรนด์ระดับโลกที่มีชื่อในปัจจุบันอยู่มาก รวมทั้งปัจจุบันยังนิยมใช้เป็นส่วนผสมของพวกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ทางสุขภาพไปทั่วโลก

“แอนดรูว” บอกว่าจากที่ไปทำงานและได้มุมมองเรื่องการลงทุนและบริหารจัดการต้นไม้ว่าสามารถเป็นสิ่งที่ลงทุนได้ ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถตั้งเป็นบริษัทและขยายธุรกิจได้ถึงทุกวันนี้ โดยบริษัทเพิ่งเริ่มก่อตั้งทำธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2549 และเริ่มปลูกต้นกฤษณาครั้งแรกที่เมื่อปี 2552

แม้การปลูกต้นกฤษณาจะสร้างผลตอบแทนให้กับชาวบ้านที่ร่วมขายน้ำมันกฤษณาและต้นกฤษณาให้ แต่ก็เชื่อว่าต่างคนต่างก็วินวินทั้งสองฝ่าย บริษัทก็ได้สารไปเป็นตัวตั้งต้นนำไปแปรรูปผลิตภัณฑ์อื่นๆ ต่อ ชาวบ้านก็มีรายได้จากที่ให้เช่าต้นไม้และขายน้ำมันให้ แต่เชื่อว่าเมื่อทำธุรกิจที่เกี่ยวกับต้นไม้แล้ว สิ่งที่เราต้องทำควบคู่กันไปด้วยนั่นคือ การทำธุรกิจที่มีส่วนรับผิดชอบต่อสังคม

เขาเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิปลูกต้นไม้วันนี้ (Plant-A-Tree) หรือเรียกกันว่า PATT เพื่อมุ่งมั่นให้มีการปลูกต้นไม้คืนพื้นที่สีเขียวในประเทศเขตร้อน ส่งผลต่อการสร้างความยั่งยืนให้กับระบบนิเวศ และปัจจุบันพยายามจะทำให้เกิดความร่วมมือขึ้นในหลายๆ องค์กรของสากล ทั้งรัฐบาลไทย สหประชาชาติ อีกทั้งก็พยายามจะดึงความร่วมมือจากบริษัทข้ามชาติหลายแห่งเข้าร่วมโครงการนี้ด้วย

ผู้ชายคนนี้มีความหวังว่า ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับระบบของต้นไม้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างที่ดีขึ้น ตั้งแต่ชั้นบรรยากาศ การทำลายป่า หรือการช่วยเหลือชุมชนท้องถิ่นเพื่อต่อสู้กับปัญหาความยากจน โดยหวังว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะได้อาศัยระบบนิเวศที่ยั่งยืนในการดำรงชีวิตต่อไปได้