posttoday

‘มุมมอง’ ของ โต้-สุหฤท

26 กรกฎาคม 2557

โต้-สุหฤท สยามวาลา ผู้บริหารบริษัทเครื่องเขียนชื่อดัง ดีเจ นักร้อง/นักแต่งเพลง

โดย...เจษฎา จี้สละ

โต้-สุหฤท สยามวาลา ผู้บริหารบริษัทเครื่องเขียนชื่อดัง ดีเจ นักร้อง/นักแต่งเพลง และอดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ชายร่างใหญ่ที่มาพร้อมสไตล์แหกแหวกกรอบ มุมมองที่ไม่เหมือนใคร แต่ไม่ใช่มุมที่ยากเกินจะเข้าใจ

“ทั้งชีวิตพี่มี 2 มุม อย่างแรกคือห้องอัดเสียงที่บ้าน และอย่างหลังคือห้องทำงานที่นี่”

แต่ถ้าถามว่าที่ไหนสร้างสุนทรีย์และแรงบันดาลใจให้กับโต้ คือ ห้องทำงานที่ใช้ชีวิตแต่ละวันในห้องนี้นานไม่ต่ำกว่า 8 ชม. ความสร้างสรรค์บรรเจิดจรัสขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ เรื่องราวของชีวิตและไอเดียนับร้อยเกิดจากพื้นที่แห่งนี้ เพราะเป็นพื้นที่แห่ง “History”

“แปลก อยู่บ้านเราจะชอบเปลี่ยนส่วนผสมใหม่ๆ (Element) แต่กับห้องนี้เรากลับอยู่กับมันได้เป็น 10 ปี เปลี่ยนมากสุดก็แค่วอลเปเปอร์ (Wallpaper) เป็นห้องที่พี่อยู่แล้วโอเค แม้แต่วันที่ทุกข์ที่สุดตอนน้ำท่วม ห่วงพนักงาน ไม่มีอะไรเหลือ พี่ก็นั่งห้องนี้แหละ เราอยู่กับมันมามาก มันมีฮีสทรี (History)”

‘มุมมอง’ ของ โต้-สุหฤท

 

ห้องโทนสีแดงที่ตกแต่งอย่างมีสไตล์ แต่ส่วนที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับ สุหฤท มากที่สุด คือ “มุมห้อง” พื้นที่ที่ผนังสองฝั่งและเพดานบรรจบกัน พื้นที่นั้นคือต้นตอแห่งความสร้างสรรค์ของ สุหฤท

“มุมที่กระตุ้นความเป็น Creative ที่สุด ไม่รู้บอกไปใครจะหาว่าบ้าหรือเปล่า (หัวเราะ) คือ มุมห้อง ไม่รู้เหมือนกัน เวลามองตรงนั้นแล้วคิดออก มองแล้วรู้สึกเย็น ค่อยๆ คิด หลายคนคิดว่าเราไม่ทำงาน มองเหม่ออยู่ตรงนั้น แต่มองแล้วมันคิดออก”

อินดี้ตัวพ่อที่นั่งหัวเราะตบท้ายแทบทุกประโยค ใครจะไปคิดว่าเขาเป็นคน “ปรี๊ด” ง่ายสุดๆ เจ้าตัวยอมรับว่าความปรี๊ดไม่เคยลดลง หากแต่วันเวลากลับทำให้เขาปรี๊ดอย่างมีศิลปะมากขึ้น ไม่ใช่ด้วยการด่าว่าด้วยความรุนแรง แต่เขานิยามตนเองว่า “ดุเงียบ ดุยิ้ม”

“อย่างเขาทำผิดมากๆ พี่ไม่ด่านะ แต่จะบอกว่า ‘ทำอย่างนี้บริษัทรักตายเลยนะเนี่ย’ (ประชด) หรือ ‘ถ้าคุณทำอย่างนี้ ไปอยู่บริษัทคู่แข่ง ผมแฮปปี้มากเลยนะ’” คำหยอกเรียกเสียงฮา แต่ทว่าพนักงานคงเสียวสันหลังวูบ!

ต่อกรณีที่ สุหฤท ฉุนเฉี่ยวเกินกลั้นปรี๊ด คือ โกรธการโกง! เขายกกรณีที่ปรี๊ดอย่างเห็นภาพ “เห็นคนโกงแล้วอยากด่า แต่ไม่ใช่ระบายออกมาด้วยการด่า แต่อารมณ์โกรธจะรุนแรงมาก การระบายของพี่ไม่ใช่ไปทำร้ายเขา พี่อาจจะระบายเป็นเพลง งานเขียน หรือเต้น/อาละวาดอยู่ในรถ ถ้าอยู่บนทางด่วน แล้วเห็นรถโฟล์คโยกๆ เขย่าอยู่ แสดงว่าพี่กำลังอาละวาดอยู่ข้างใน”

โต้-สุหฤท กับชีวิตด้านบวกที่ทุกคนชื่นชม เอ็มดี ดีเจ นักร้อง ล้วนแต่เป็นอาชีพที่คนอิจฉา แต่ทว่ามุมที่คนไม่เคยรู้จัก คือ “มุมมืด” มุมที่สร้างสมดุลให้กับชีวิต

“มุมมืด ไม่ได้มีเฉพาะแง่ของความชั่วร้ายนะ มันมีเสน่ห์ พี่ไม่ได้เป็นคนดีเด่นอะไร มีโกรธ มีเกลียด! แต่มันทำให้เราอยากระบาย ซึ่งหลายครั้งก็ขับออกเป็นสิ่งดีๆ พี่ว่าด้านมืดเป็นตัวที่คอยสร้างสมดุล ทำให้เรารู้สึกว่าเรายังเป็นมนุษย์ เป็นชีวิต”

ย้อนกลับในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ชื่อของ สุหฤท จัดอยู่ในลำดับที่ 4 รองจากผู้ได้รับเลือก ด้วยการโฆษณาไร้ป้ายหาเสียงตามสี่แยก แหวกม่านขนบด้วยการสื่อสารผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก จนได้ใจของเด็กแนวทั่วกรุงไปเต็มๆ

‘มุมมอง’ ของ โต้-สุหฤท

 

“จะสมัครผู้ว่าฯ อีกไหม... บอกไม่ได้ แต่หลายอย่างไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่ง เราก็ทำได้ ซึ่งถามว่ากรุงเทพฯ ต้องการอะไร มันต้องมี Leader Ship ในการเปลี่ยน เป็นทหารอาจจะเขกกบาลให้คนทำได้ แต่ผู้ว่าฯ ทำไม่ได้ ถ้าจะทำต้องชวนเขาเปลี่ยน ความทรมานของนักเลือกตั้ง คือทุกอย่างต้องทำตามเสียง ทางออกคือ ผู้นำต้องสร้างการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ได้เสียงนั้นมา กรุงเทพฯ ตอนนี้ไม่ได้ต้องการแค่กรุงเทพฯ เพราะเราหยุดมานาน แต่โลกเปลี่ยนตลอด เขาก้าวไปข้างหน้า เท่ากับว่าเราถอยหลังแล้ว”

“กรุงเทพฯ โคตรป๋า เป็นเมืองที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่ต้องหาอะไรที่น่ารักกว่านี้ แต่สิ่งพื้นฐานต้องพร้อม วินัยจราจร/ขนส่งมวลชน เรายังคิดว่าใช้รถส่วนตัวดีกว่า ต้องมี 50 เมืองย่อย ไม่ใช่ไข่ดาวแปะไว้ 50 ฟอง มันไม่จำเป็นจะต้องมีอะไรใหม่ ถ้าสุดท้ายทันสมัย แต่เรายังแซงคิว”

ชีวิตคงก้าวสู่การเป็น โต้สุหฤท ไม่ได้ ถ้าใช้ชีวิตอย่างไร้สุข “มุมบวก” คือ มุมมองสำคัญที่ผลักดันให้เขาก้าวสู่ความสำเร็จ ปะทะ พร้อมไฝว้ สไตล์สุหฤท แต่อย่าลืมบวกแง่คิดและรอยยิ้ม

“ถ้ามีปัญหานะบวกเลย จะแพ้หรือ ไม่ยอมแพ้ก็ต้องบวก แต่ถ้าจะพัก ก็พักก่อน แล้วกลับมาบวกกับมัน คนที่จม เพราะโดนปัญหาจนจมดินไม่กล้าบวก ต้องกลับมาสู้สิ จะแพ้ชนะไม่รู้ แต่ต้องบวก! ที่สำคัญต้องบวกแง่คิดและบวกรอยยิ้ม”

ความสุขที่มีอยู่ทุกตัวคน ไม่ต้องรอขอใครคืน คือ “ทำในสิ่งที่รัก ทำในสิ่งที่ชอบ” สุหฤท เผยเคล็ดสำคัญอันเป็นมุมพื้นๆ ของเขา “ทำในสิ่งที่เรารัก มันจะรู้สึกว่าเราเติบโต ถ้าถามว่าทุกวันนี้ทำครบหรือยัง คือยังไม่ครบ คนเรามันต้องหิวไปเรื่อยๆ เสพจริงๆ บ้าจริงๆ ครบก็อิ่ม นั่งอยู่เฉยๆ เหรอ ใครที่อิ่ม ใครที่หยุด ทำตัวเองตาย”

“รักในทุกสิ่งที่ทำ ถามดีเจ ร้องเพลง ทำเอ็มวี กับขายเครื่องเขียนที่ทำเนี่ยรักไหม ก็ต้องรักสิ ไม่รักจะทำทำไม รักหลายอย่างด้วย บางคนบอก ‘พี่โต้ มีเงินก็ทำได้สิ’ พี่ตอบเอ่อใช่ ขี้เกียจกระแดะ แต่เราทำงานไหมล่ะ มันต้องทำในสิ่งที่เลี้ยงตัวได้ตังค์ด้วย แล้วเอาเงินนั้นไปทุ่มกับสิ่งที่รัก ให้เรามีความสุข เมื่อเรามีความสุขการงานก็ยิ่งโต อย่างพี่เมื่อก่อนทำเอ็มวีแบบหนึ่ง พอไปทำดีเจมีเงินเยอะๆ ก็เอาไปทุ่มเอ็มวี มันก็ใหญ่ ก็ดีกว่าเดิม เรามีความสุข การงานก็โอเค วนๆ แบบนี้แหละ”

ในมุมมองของ สุหฤท สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่หลากหลาย แม้แตกต่างแต่ลงตัว “ความสมดุล” ของแต่ละพื้นที่อาจไม่ได้เกิดจากปริมาณที่ “เท่าเทียม” แต่เขาสามารถจัดการให้ “ลงตัว” อย่างน่าพอใจ มุมมองของเขาคงจะทำให้มุมมองของเราชัดเจนและลงตัวยิ่งขึ้น เพราะความพอดี หลายกรณีอาศัยเพียงความพอใจ

“กล้าที่จะบวก” ปะทะ พร้อมไฝว้ สไตล์สหฤท