posttoday

โจ-ก้อง เพื่อนคือ ปัจจัยที่ 5

26 ตุลาคม 2556

ถ้าถามว่า ยุคสมัยหนึ่งนักร้องนักดนตรีที่หล่อ สูง หุ่นดี มีชาติตระกูล อีกทั้งยังมีเพลงฮอตเพลงฮิตเยอะแยะมากมาย

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

ถ้าถามว่า ยุคสมัยหนึ่งนักร้องนักดนตรีที่หล่อ สูง หุ่นดี มีชาติตระกูล อีกทั้งยังมีเพลงฮอตเพลงฮิตเยอะแยะมากมาย แถมยังเป็นไอดอลของใครหลายคน ชื่อของ “โจจิรายุส วรรธนะสิน” และ “ก้องสหรัถ สังคปรีชา” คงเป็นชื่อในลำดับต้นๆ ที่เรานึกถึง ปัจจุบันเขาทั้งคู่ยังวนเวียนอยู่ในสายงานดนตรี ทั้งออกคอนเสิร์ตและเป็นส่วนสำคัญของการสร้างศิลปินใหม่ให้กับวงการ นั่นคือ การเป็นคอมเมนเตเตอร์ของโจในรายการไทยแลนด์ ก็อต ทาเลนต์ และการเป็นโค้ชของก้องในรายการเดอะ วอยซ์ ซึ่งนั่นทำให้เห็นว่า บนเส้นทางชีวิตของคนทั้งคู่ ที่เริ่มต้นและผูกพันกันมาอย่างยาวนาน มันมีอะไรที่เหมือนกันอย่างบอกไม่ถูก

หรือนี่คือสิ่งที่ใครก็ไม่รู้กำหนดมาว่า เอ็งทั้งคู่ต้องเป็น “เพื่อนกัน” ตลอดไป

โจ จิรายุส ‘เพื่อนคือคนที่ต้องรู้ต้องเข้าใจว่าเราเป็นยังไง’

“จุดเริ่มต้นของการรู้จักกัน คือ พ่อแม่ของเราเอาเราไปเรียนที่เดียวกัน นั่นคือ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนฯ เราเลยรู้จักกันตั้งแต่ชั้นประถม อยู่ยาวมาเรื่อยๆ ทั้งชั้น ม.ต้น ม.ปลาย เรียนอยู่ห้องเดียวกันบ้าง สลับห้องกันบ้าง แต่เราก็รวมตัวกันได้ด้วยดนตรี ด้วยกีฬา ตั้งแก๊งดูหนัง วาดรูป วาดกำแพงโรงเรียน คือเราทำด้วยกันมาหมดทุกสิ่งอย่าง

เมื่อเรารวมตัวตั้งเป็นวงดนตรี สมัยนั้นผมกับก้องจะช่วยกันแกะเพลงเพื่อที่จะเล่นกันเป็นเพลงให้ได้ พอแกะเพลงและเล่นกันเป็นเพลงได้ มันเป็นความรู้สึกที่ดีนะ มันรู้สึกว่าเราทำได้แล้วโว๊ย (หัวเราะ) จากวันนั้นจนมาถึงเราเข้ามหาวิทยาลัย เล่นดนตรีตามผับตามบาร์ จนได้มาเป็นวงนูโว เรายิ่งผูกพันกันมากขึ้น ผ่านวันเวลา จนแยกย้ายออกมาทำงานเพลงกันสองคน เราก็เลือกที่จะอยู่ด้วยกัน ทำงานเพลงด้วยกัน ซึ่งผมว่านี่คือสิ่งที่ไม่ธรรมดาสำหรับผมเลยทีเดียว ที่เราจะเลือกอยู่เลือกเดินไปกับใครสักคน

โจ-ก้อง เพื่อนคือ ปัจจัยที่ 5

 

ถามว่าทำไมเราต้องแยกออกมาเป็นคู่ ทำไมไม่แยกเดี่ยว ผมว่าผมทำคนเดียวอาจไม่แข็งแรง ขนาดสองคนยังไม่แข็งแรงเท่าไหร่เลย (หัวเราะ) ผมว่าการที่เรางานเพลงด้วยกัน มันเหมือนเรามีคนช่วยคิด ทำให้ทำงานเพลงกันได้อย่างมีความสุข เพราะมันไม่ต้องคิดคนเดียวไง ยิ่งก้องเล่นกีตาร์เก่ง มีเบสิกที่แน่น ทำให้เราสร้างสรรค์งานเพลงได้อย่างใจ เวลาเรานึกโน้ตได้ และอยากทำให้ละเอียด ก้องก็จะช่วยโซโลได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญที่สุด ผมว่าเราสองคนต่างรับฟังกันและกัน ทำให้การทำงานมันง่ายขึ้น

ผมว่าคนเราอยู่ด้วยกันนานๆ คบกันมานาน เวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้น เรามองตาก็รู้ใจ ถ้าคนเราไม่ซี้กัน ไม่เก็ตกัน พูดกันจนปากเปื่อยก็ไม่เข้าใจ ก็แยกย้ายกันเถอะ แต่เรามองตาก็เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นก็ช่วยกันรับมือได้ ซึ่งเราสองคนผ่านทั้งข่าวคราวและข่าวคาว มีมาทุกรูปแบบ แต่เราก็ผ่านกันมาได้สบายมาก สงสัยคงเพราะเราเนื้อแข็ง ฆ่าไม่ตาย ประมาณนั้น (หัวเราะ)

ถามว่าเราโตกันมาขนาดนี้ อยากมีครอบครัวเป็นของตัวเองมั้ย ผมว่าเรื่องครอบครัว ผมคิดถึงครอบครัวที่มีอยู่ในปัจจุบันมากกว่านะ ผมพยายามดูแลพ่อแม่พี่น้องให้ดีที่สุด ดูแลเพื่อน ดูแลในปัจจุบันให้ดี ส่วนคู่ชีวิต ถ้ามีก็ดีไป ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร เราก็อยู่กับครอบครัวได้ อยู่กับเพื่อน อยู่กับงานเพลง อยู่กับการสร้างสรรค์ศิลปินใหม่ได้ โดยไม่ต้องไปหมกมุ่นเรื่องนั้น ซึ่งการมีเพื่อนก็ทำให้เราไม่เหงาใจได้

สำหรับความหมายของคำว่าเพื่อน ในความหมายของผม เพื่อนคือคนที่ต้องรู้ต้องเข้าใจว่าเราเป็นยังไง และร่วมชีวิตด้วยกันไปยาวๆ ถ้าจะให้สามคำสำหรับก้องเหรอ เจ๊ตแม่ก้อง (หัวเราะ) เอาใหม่ ผมให้คำว่า ก้อง นูโว คนที่เป็นได้ทั้งนักร้อง นักดนตรี นักแสดง โค้ช แอมบาสซาเดอร์ พรีเซนเตอร์ นี่แหละคือ ก้อง นูโว ครับ”

ก้อง สหรัถ ‘ขาดเพื่อน เราคงอยู่ไม่ได้’

“อย่างที่โจบอก ว่าเรารู้จักกันตั้งแต่อยู่ชั้นประถม มัธยม เรื่อยมาจนถึงมหาวิทยาลัย แล้วมันก็ลากยาวมาจนถึงทุกวันนี้ เหมือนคนที่ตัดไม่ตายขายไม่ขาด (หัวเราะ) ผมว่ามันเป็นความผูกพัน ที่มีดนตรี มีกีฬาอย่างฟุตบอล มาทำให้เราทำอะไรด้วยกันมาโดยตลอด ที่สำคัญการได้มาเป็นวงนูโวด้วยกัน การได้มาเป็นโจก้องด้วยกัน แถมยังผ่านร้อนผ่ายหนาวมาด้วยกันอีก มันทำให้เรารู้ซึ้งว่าคนคนนี้แหละคือเพื่อนแท้

ถามว่าผมกับโจมีอะไรเหมือนกัน ผมว่าเราสองคนชอบดนตรีเหมือนกัน ชอบเตะบอลเหมือนกัน ชอบอะไรไปในทางเดียวกัน มันเลยง่ายที่จะไปไหนด้วยกันได้ คบหากันได้ สมัยเด็กๆ เรามานั่งช่วยกันแกะเพลงที่เราชอบ เมื่อแกะเพลงแรกได้ เราก็แกะเพลงอื่นๆ มาโดยตลอด แกะจนปุ่มรีไวร์กับฟอร์เวิร์ดพังคามือ แต่นั่นคือความทรงจำที่ล้ำค่าสำหรับเรามากๆ เลยนะ เวลาที่ได้นึกถึง

เมื่อเรารวมตัวกันเป็นวงนูโว เราก็ทำงานกันไปตามที่โปรดิวเซอร์เขากำหนดมา มีพี่ๆ ดูแลมาโดยตลอด พอถึงจุดที่มีไอเดียเป็นของตัวเอง เราเลยแยกมาเป็นโจก้อง ซึ่งเราทำหมดทุกขั้นตอน ตอนนั้นไฟมันลุกโชน มีอะไรก็อยากทำ อยากนำเสนอเพื่อคนฟัง

โจเขาเป็นคนที่มีเบสิกด้านการแต่งเพลง เก่งเรื่องใช้คอมพิวเตอร์สร้างงานเพลง ซึ่งผมไม่ค่อยเก่งเรื่องนั้น แต่เขามีตรงนั้น เราเลยมาเจอกันตรงกลาง ทำให้เราสองคนทำงานกันได้ง่ายดายขึ้น

อย่างเวลามีข่าวคราวและข่าวคาว เราก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าไม่มีสิ เป็นเรื่องแปลก เราอยู่ในวงการบันเทิง มันต้องมีข่าวนั่นโน่นนี่เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ก็ไม่ควรอ่อนไหวไปกับมันมาก อย่างเราสองคนก็ผ่านมาเยอะ เจ็บมาเยอะ (หัวเราะ) เราก็ผ่านกันมาได้ ช่วยกันผ่านมันมาได้

ถ้าถามว่าผมกับโจมีอะไรเหมือนกันบ้าง ผมว่าเหมือนกันทุกประการ เรามีไลฟ์สไตล์ที่เหมือนกัน การใช้ชีวิต ความชอบ การเที่ยว การเฮฮา อาหารการกิน กลุ่มเพื่อน ต้องไปกันได้ ถ้าคนหนึ่งเป็นแบบนี้ อีกคนเป็นอีกแบบ มันก็ไปกันไม่ได้

เพื่อนเป็นสิ่งที่สำคัญมากในชีวิตนะ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งของเราเลยล่ะ ขาดเพื่อน เราคงอยู่ไม่ได้ คงงง เหมือนขาดอาหาร อยู่คนเดียวขาดเพื่อน ชักดีกว่า เพื่อนคือปัจจัยสำคัญสำหรับชีวิต ทุกวันนี้เพื่อนได้ทำงานในสายงานที่ใกล้เคียงกับเรา เช่น งานด้านรายการประกวด เราทำตรงนั้นก็จบ ไม่จำเป็นต้องมาแชร์อะไรให้กัน เราแค่ติดตามผลงานของกันและกันก็พอ ซึ่งตรงนี้แหละคือที่ว่างที่ทำให้เรายังพอมีระยะห่างกันได้

อย่างเราสองคนไม่เคยเล่นละครด้วยกัน แต่ถ้าเล่นด้วยกันคงฮาดี”