posttoday

ดร.โด่ง องอาจ...คนบันเทิงผู้รักการเรียน

01 กันยายน 2556

คุณคิดว่า คนในวงการบันเทิงสามารถทำงานไปด้วย และเรียนไปด้วย จนจบปริญญาเอกได้ไหม คำตอบคือ “ได้” เพราะ “โด่งองอาจ สิงห์ลำพอง”

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

คุณคิดว่า คนในวงการบันเทิงสามารถทำงานไปด้วย และเรียนไปด้วย จนจบปริญญาเอกได้ไหม คำตอบคือ “ได้” เพราะ “โด่งองอาจ สิงห์ลำพอง” รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานสถานีโทรทัศน์ ช่อง 8 และซัน แชนแนล บริษัท อาร์เอส ทำให้ใครต่อใครได้เห็นแล้วว่า เขาสามารถเรียนจบปริญญาเอก ดุษฎีบัณฑิต สาขาสื่อสารมวลชน คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ภายใน 4 ปี ซึ่งนี่คือความยากและหินที่น่าเอามาเป็นไอดอลในดวงใจ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เราๆ ท่านๆ ที่คอยแต่คิดว่า งานเยอะ ไม่มีเวลา ยิ่งเรียนเอก ยิ่งยากและไม่มีเวลาเข้าไปใหญ่ ขอบอกว่า...คำว่าไม่มีเวลา ใช้กับผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว หากคุณรักที่จะเรียน

“ผมเป็นคนรักการเรียนครับ และผมก็เรียนด้านนิเทศศาสตร์มาโดยตลอด ตั้งแต่ ปริญญาตรี โท เอก ถามว่าทำไมผมถึงเป็นคนที่รักการเรียน คงเป็นเพราะเป้าหมายของชีวิต คือ การเป็นอาจารย์ แต่สิ่งที่ไม่คิดจะได้เป็น คือการได้เข้ามาในวงการบันเทิง”

องอาจ เผยว่า การเข้ามาในวงการบันเทิงของเขา เข้ามาหลังจากเรียนจบปริญญาตรี และเขียนใบสมัครงานที่อาร์เอส ซึ่งเป็นการเขียนใบสมัครงานครั้งแรกและครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปเขียนใบสมัครงานไว้ที่ไหนอีกเลย

“ก็ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย ที่เรียนจบปุ๊บ ก็ได้เข้ามาทำงานที่อาร์เอส ปัจจุบันก็ยังทำงานที่อาร์เอส เป็นคนเขียนใบสมัครใบเดียว ครั้งเดียว และทำมาที่นี่ตลอด 20 ปี ในหัวก็ไม่ได้คิดจะไปไหน ผมรู้สึกว่าการเติบโตไปกับองค์กรทำให้เราได้พัฒนาตัวเอง ได้เรียนรู้จากสายมิวสิกวิดีโอ มาเป็นสายภาพยนตร์ จากนั้นมาเป็นสายละคร สายโปรดักชัน เฮาส์ จนมาเป็นสายโทรทัศน์ดาวเทียมอยู่ในขณะนี้”

ในระหว่างที่ทำงาน องอาจก็มีความคิดที่จะเรียนต่ออยู่ตลอดเวลา จนเขาตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

“ตอนเรียนโทที่จุฬาฯ เวลาเรียนกับเวลาทำงานมันมีชนกันแน่นอน แต่เพราะความที่ผมเป็นคนที่รักการเรียน เลยทำให้ผมเป็นคนที่ไม่เคยขาดเรียน แต่เลือกที่จะจัดการเวลาของตัวเองให้เข้าที่เข้าทางให้มากที่สุด แต่ละวันจะวางแผนเวลาการทำงาน เซตงานอะไรให้เรียบร้อยแล้วก็จะแวบไปเรียน เมื่อเรียนเสร็จก็กลับมาทำงานต่อ”

หลังจากเรียนจบปริญญาโท ในหัวของเขาก็ยังมีความต้องการที่จะเรียนต่อในระดับปริญญาเอก ถึงแม้เขาจะรู้ทั้งรู้ว่าการเรียนปริญญาเอกต้องใช้เวลา ใช้พละกำลังกายกำลังใจขั้นเทพ แต่เมื่อเขารู้สึกว่านี่คือหนทางของเขา เขาจึงตัดสินใจเรียนโดยไม่ลังเลใจ

“เมื่อรู้ว่านี่คือหนทางของผม ผมก็เลยไปสมัคร สมัครเสร็จก็เตรียมตัวสอบ เมื่อไปสอบ ผลออกมาปรากฏว่าสอบได้ ก็ดีใจนะ เพราะปริญญาเอก เขาไม่ได้รับใครมาเรียนพร่ำเพรื่อ ในหนึ่งรุ่นเขาจะรับได้เต็มที่เพียง 5 คนเท่านั้น พอผมได้เข้าไปเรียนคนที่ไปเรียนส่วนใหญ่เป็นอาจารย์ประจำตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่มีตำแหน่ง รศ. ผศ. กันหมด แต่ผมก็สนุกที่จะเรียนรู้จากคนเหล่านี้นะ ผมคิดว่า การที่คนเรียนมาจากสายบันเทิงเต็มตัว กับสาววิชาการจ๋ามาเจอกัน มันทำให้บรรยากาศการเรียนตื่นตาตื่นใจ และสนุก ไม่เคร่งเครียด ซึ่งตลอดระเวลา 4 ปีที่ผมเรียนและทำดุษฎีนิพนธ์ ผมก็พยายามพิสูจน์ให้อาจารย์เห็นว่าเราทำได้ และสามารถเรียนจบได้”

องอาจเล่าอย่างสนุกสนานว่า ชีวิตของเขาในช่วงนั้นสมบุกสมบันมาก จนบางครั้งต้องมานั่งถามตัวเองว่า ทำอย่างนี้แล้วคุ้มมั้ย

“เวลาไปเรียน ผมต้องนั่งมอเตอร์ไซค์จากลาดพร้าวไปท่าพระจันทร์ ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง พอไปเรียน ตั้งหน้าตั้งตาเรียน ตัดทุกอย่างออกจากหัวสมอง เรียนเสร็จแล้วก็นั่งมอเตอร์ไซค์กลับมาทำงานต่อ เป็นอย่างนี้ตลอด อันตรายมั้ย ก็รู้ว่าอันตราย แต่เรามีความตั้งใจที่จะใช้เวลาเพื่องานกับเรียนให้คุ้มค่าที่สุด เราก็ยอม”

แม้กระทั่งหลังจากเลิกงาน กลับมาบ้านองอาจก็ยังทุ่มเทเพื่อการเรียน การทำรายงาน ชนิดที่เรียกได้ว่า นอนหลับคาคอมพิวเตอร์กันเลยทีเดียว

“เวลากลับบ้าน ผมต้องคอยทำรายงานส่งอาจารย์ตลอด ทำจนหลับหน้าคอมพ์ทุกวันเป็นอย่างนี้จนเรียนจบ”

ด้วยความเป็นคนรักการเรียน องอาจเผยว่า การเรียนสอนให้เขาได้เรียนรู้ในหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่าง ยิ่งเรียนในระดับสูงๆ ยิ่งได้เรียนรู้วิธีการเรียนที่ไม่ใช่แค่เรื่องของความจำในตำรา แต่เป็นการเรียนรู้ด้วยการแสวงหาเพื่อพบเจอคำตอบด้วยตัวเอง

“ทุกวันนี้ก็ยังอยากเรียนนะ อยากกลับไปเรียนปริญญาโทในสาขาวิชาที่ผมสนใจอีกสักรอบ แต่ก็คิดๆ ว่า หรือเราจะเขียนตำราเรียนดี เอาความรู้ที่เราได้ร่ำเรียนมา มาทำเป็นตำราที่ก่อให้เกิดประโยชน์”

ปัจจุบัน นอกจากองอาจจะทำงานด้านสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม เขายังใช้เวลาในวันเสาร์อาทิตย์ สอนหนังสือทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโทตามสถาบันการศึกษาต่างๆ ซึ่งเขาก็ได้เดินจนมาถึงจุดมุ่งหมายที่เขาตั้งใจไว้แต่แรกเริ่ม และก้าวต่อไปของเขาคงเป็นก้าวเดินที่หนักแน่น และมั่นคงมากขึ้นในฐานะผู้ที่รักการเรียนตลอดทั้งชีวิต นั่นคือการเรียนรู้โลกใบเล็กๆ ใบนี้

นี่แหละ ผู้ชายที่ชื่อ โด่งองอาจ สิงห์ลำพอง

องอาจเคยเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ฝันติดไฟหัวใจติดดิน (ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง, นิ้ง กุลสตรี) แตก 4 รัก โลภ โกรธ เลว (เต๋า สมชาย, นุก สุทธิดา) ชู้ (แอนดี้ วัชระ, เฮเลน นิมา) อีกทั้งยังกำกับละครเรื่อง แม่โขง (พีท ทองเจือ, นิ้ง กุลสตรี) ทางช่อง 7 สีอีกด้วย