posttoday

ซีดีจีหนุนรัฐ-ธุรกิจ ทรานส์ฟอร์มรับเทรนด์

19 กุมภาพันธ์ 2562

จากการที่ไอดีซี คาดการณ์ประเทศไทยจะมีเงินหมุนเวียนในตลาดไอทีสูงถึง 4.7 แสนล้านบาท ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการเดินหน้าดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น โดยภายในปี 2563 กว่า 20% จะปรับเปลี่ยนรูปแบบองค์กรให้เป็นดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ จึงถือเป็นโอกาสสำคัญของกลุ่มบริษัทซีดีจีเพื่อรุกเจาะตลาดทั้งภาครัฐและองค์กรธุรกิจ

จากการที่ไอดีซี คาดการณ์ประเทศไทยจะมีเงินหมุนเวียนในตลาดไอทีสูงถึง 4.7 แสนล้านบาท ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการเดินหน้าดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น โดยภายในปี 2563 กว่า 20% จะปรับเปลี่ยนรูปแบบองค์กรให้เป็นดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ จึงถือเป็นโอกาสสำคัญของกลุ่มบริษัทซีดีจีเพื่อรุกเจาะตลาดทั้งภาครัฐและองค์กรธุรกิจ

นาถ ลิ่วเจริญ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ซีดีจี เปิดเผยว่า การเดินหน้าดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ขององค์กรของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยคลาวด์ เซอร์วิส ยังคงเป็นส่วนที่ได้รับความสนใจ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะทำรายได้ให้ตลาดไอทีได้สูงกว่า 4.8 หมื่นล้านบาท

ไอดีซียังระบุว่า ภายในปี 2563 มากกว่า 20% ขององค์กรจะปรับเปลี่ยนรูปแบบองค์กรให้เป็นดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ เพื่อเสริมศักยภาพและพร้อมแข่งขันในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ซีดีจียังคงมุ่งมั่นเป็นผู้นำด้านธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศในรูปแบบ System Integrator เพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เร็วและใหม่ขึ้นทุกวัน ด้วย 3 จุดเด่นโซลูชั่นที่จะเข้ามาสนับสนุนการทำงานให้กับองค์กรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ได้แก่ 1.บิ๊กดาต้า/ดาต้า อะนาไลติกส์ 2.ไอโอที และ 3.ซีเคียวริตี้

ในส่วนของบิ๊กดาต้าและดาต้าอะนาไลติกส์นั้น ปัจจุบันพบว่าทั้งภาครัฐและเอกชนยังไม่ได้นำข้อมูลที่มีอยู่มหาศาลมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งที่ข้อมูลเหล่านั้นเป็นโอกาสที่สามารถนำมาจัดการและรวบรวมให้เป็นหมวดหมู่เพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป

ขณะเดียวกัน เทรนด์ในการพัฒนาเมืองของภาครัฐสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะ หรือสมาร์ทซิตี้ ก็จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีไอโอทีในการบูรณาการเข้ากับระบบ เสริมด้วยงาน อี-ซิติเซ็น เซอร์วิส เพื่อการบริการประชาชนที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเมื่อข้อมูลกลายเป็นหัวใจของการทำงาน ความปลอดภัยหรือการจัดการระบบการเข้าถึงข้อมูลและการปกป้องข้อมูล จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกหน่วยงาน

“ทั้งหมดนี้จะเป็นสิ่งที่บริษัทให้การผลักดันให้เกิดเป็นโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อตอบทุกโจทย์ความต้องการให้ลูกค้า ตั้งเป้าเติบโต 10% จากปีที่ผ่านมา โดยยังคงสัดส่วนหลักจากภาครัฐที่ 90%” นาถ กล่าว

นอกจากนี้ จากการคาดการณ์ของการ์ตเนอร์ ระบุว่า เทคโนโลยีเทรนด์ที่น่าจับตามองและมีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อภาคธุรกิจหลักๆ คือ บล็อกเชน,เอไอ, เออาร์, วีอาร์ และไอโอที

จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ทำให้ทุกภาคส่วนมีการปรับตัวเพื่อสอดรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยปัจจุบันจะเห็นได้จากการทรานส์ฟอร์มของหน่วยงานทั้งภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่ต่อเนื่องและชัดเจนขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการร่วมกันผลักดันของทุกภาคส่วนตามแผนยุทธศาสตร์ประเทศสู่ไทยแลนด์ 4.0

ขณะที่ข้อมูลจากบีโอไอ ระบุว่า ภาครัฐมีการเดินหน้าโครงการต่างๆ เพื่อผลักดันให้เกิดความพร้อมในการใช้ระบบ E-documents โดยตั้งเป้าในปี 2564 มากกว่า 80% ของหน่วยงานภาครัฐ ต้องเข้าสู่เปเปอร์เลส ออฟฟิศ ซึ่งหมายถึงโอกาสในการบริการประชาชนที่มีศักยภาพมากขึ้น และในปี 2563 สัดส่วนของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจะเติบโตถึง 10% ซึ่งเป็นผลมาจากโมบายเพย์เมนต์ ดังนั้นโอกาสที่น่าจับตามองในการเติบโตของธุรกิจไอที คือ เทคโนโลยีที่เชื่อมโยงถึงโซลูชั่นในการรองรับความปลอดภัย