ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ จากความกังวลด้านมูลค่าหุ้นเทคโนโลยี
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ ด้วยแรงกดดันจากการเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต่อเนื่อง ขณะนักลงทุนยังวิตกต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และมูลค่าหุ้นที่สูงเกินจริง
KEY
POINTS
- ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับ AI ที่สูงเกินพื้นฐาน
- ดัชนีหลักทั้งสามปิดในแดนลบ โดยดัชนีแนสแด็กซึ่งมีหุ้นเทคโนโลยีจำนวนมากลดลงมากที่สุด 1.90%
- การอ่อนแรงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสะท้อนถึงการพึ่งพาหุ้นกลุ่มนี้ของตลาด หลังจากที่เคยเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนตลาดสู่จุดสูงสุดใหม่
ดัชนีหุ้นหลักทั้งสามของสหรัฐปรับตัวลดลง โดยความต้องการรับความเสี่ยงของนักลงทุนลดลงจากความกังวลเกี่ยวกับราคาหุ้นที่สูงเกินพื้นฐาน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ดัชนี Philadelphia SE Semiconductor ลดลง 2.4%
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AI เคยเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่หนุนตลาดหุ้นสหรัฐให้ทำสถิติสูงสุดใหม่หลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นการอ่อนแรงของหุ้นกลุ่มนี้จึงเป็นสัญญาณสะท้อนถึงการพึ่งพาหุ้นเทคโนโลยีของวอลล์สตรีท
ในขณะเดียวกัน การปิดหน่วยงานภาครัฐของสหรัฐที่ยืดเยื้อทำให้ตลาดขาดข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งส่งผลต่อการประเมินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับความจำเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในระยะสั้น
ทั้งนี้ บริษัท Challenger, Gray & Christmas เปิดเผยว่า ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บริษัทจดทะเบียนในสหรัฐประกาศแผนเลิกจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นถึง 183.1% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี โดยให้เหตุผลหลักมาจากการปรับลดต้นทุนและการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยี AI ขณะเดียวกัน บริษัทวิเคราะห์แรงงาน Revelio Labs ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐสูญเสียตำแหน่งงานไป 9,100 ตำแหน่งในเดือนที่ผ่านมา โดยภาครัฐเป็นสัดส่วนหลักของการลดลงดังกล่าว
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 397.35 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 46,913.65 จุด
ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 75.91 จุด หรือ 1.12% ปิดที่ 6,720.38 จุด
และดัชนีแนสแด็กลดลง 445.80 จุด หรือ 1.90% ปิดที่ 23,053.99 จุด
ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเช่นกันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาดและความต้องการใช้พลังงานที่อ่อนตัวลงในสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
น้ำมันดิบเบรนต์ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.22% ปิดที่ 63.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสลดลง 17 เซนต์ หรือ 0.29% ปิดที่ 59.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่ราคาทองคำขยับขึ้นเล็กน้อยจากแรงหนุนของค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ราคาทองสปอตเพิ่มขึ้น 0.2% อยู่ที่ 3,989.91 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนสัญญาทองคำล่วงหน้าส่งมอบเดือนธันวาคมปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงที่ระดับ 3,991 ดอลลาร์ต่อออนซ์.


