ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงหนัก หลัง “ทรัมป์” ขู่ขึ้นภาษีสินค้าจีน
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดในแดนลบอย่างรุนแรง หลังจากประธานาธิบดี ทรัมป์ ขู่จะเพิ่มภาษีสินค้าจากจีนครั้งใหญ่ ตอบโต้ข้อจำกัดการส่งออกแร่หายาก
KEY
POINTS
- โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่ากำลังพิจารณาขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนครั้งใหญ่ ซึ่งสร้างความกังวลในตลาดการเงิน
- คำขู่ดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีหุ้นหลักของสหรัฐฯ เช่น ดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง
- ความตึงเครียดทางการค้ายังส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบลดลงจากความกังวลด้านอุปสงค์ ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ทรัมป์โพสต์ผ่าน Truth Social ว่า เขากำลังพิจารณาการขึ้นภาษี “ครั้งใหญ่” ต่อสินค้านำเข้าจากจีน พร้อมระบุว่าไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามกำหนดการในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า โดยย้ำว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ยังมี “มาตรการตอบโต้” อีกมากที่อยู่ระหว่างการพิจารณา
ท่าทีแข็งกร้าวดังกล่าวสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อตลาดการเงิน และยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจของโลกร้าวลึกยิ่งขึ้น
ถ้อยแถลงของทรัมป์ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ร่วงลงในวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน ขณะที่ในภาพรวมรายสัปดาห์ ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ขณะที่ Nasdaq ปรับลดลงมากที่สุดในรอบเกือบครึ่งปี
• ดัชนี Dow Jones Industrial Average ร่วงลง 878.82 จุด หรือ 1.90% ปิดที่ 45,479.60 จุด
• ดัชนี S&P 500 ลดลง 182.60 จุด หรือ 2.71% ปิดที่ 6,552.51 จุด
• ดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 820.20 จุด หรือ 3.56% ปิดที่ 22,204.43 จุด
ความไม่แน่นอนด้านการค้า กลับมากดดันตลาดอีกครั้ง
นับตั้งแต่ทรัมป์ประกาศ “วันปลดปล่อย” ทางการค้าเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ด้วยนโยบายภาษีอันไม่แน่นอนและการเจรจาที่มีลักษณะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดทุน สร้างความผันผวนให้แก่สินทรัพย์ทั่วทั้งตลาด
ชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินต่อเนื่องเป็นวันที่ 10
ขณะเดียวกัน การปิดทำการของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ดำเนินเข้าสู่วันที่ 10 โดยยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างสภาคองเกรส ส่งผลให้ตลาดยังคงขาดข้อมูลเศรษฐกิจจากภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยมิชิแกนยังได้เปิดเผยผลสำรวจเบื้องต้นของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนตุลาคม ซึ่งยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับต่ำใกล้จุดต่ำสุดในประวัติการณ์ เนื่องจากผู้บริโภคยังคงกังวลต่อราคาสินค้าที่สูง และแนวโน้มที่อ่อนแอของตลาดแรงงาน
ราคาน้ำมันปรับลดลงจากความกังวลแนวโน้มอุปสงค์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงมากกว่า 3% หลังจากถ้อยแถลงของทรัมป์ ทำให้นักลงทุนกังวลว่าแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกอาจอ่อนตัวลงท่ามกลางภาวะอุปทานล้นตลาด
• สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ลดลง 2.49 ดอลลาร์ หรือ 3.82% ปิดที่ 62.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม
• สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ลดลง 2.61 ดอลลาร์ หรือ 4.24% ปิดที่ 58.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม
ราคาทองคำขยับขึ้นจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หลังจากช่วงหนึ่งทะยานทะลุระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
ราคาทองสปอต (Spot Gold) เพิ่มขึ้น 0.4% มาอยู่ที่ 3,989.49 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยในรอบสัปดาห์ ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 2.7%


