หุ้นเทคโนโลยี หนุนตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง

ดัชนีหุ้นหลักของสหรัฐฯ ทั้งสามตลาดปิดทำสถิติสูงสุดเป็นวันที่สามติดต่อกันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้น Nvidia ที่ปรับตัวขึ้นหลังบริษัทประกาศแผนลงทุนสูงสุดถึง 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน OpenAI ขณะที่หุ้น Apple ก็ปรับขึ้นเช่นกัน หลังบริษัทวิจัย Wedbush ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายจากสัญญาณความต้องการ iPhone 17 ที่แข็งแกร่ง

 

ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของตลาด เจ้าหน้าที่เฟดบางรายยังแสดงความกังวลต่อความจำเป็นในการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม หลังจากเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมครั้งต่อไป

 

• อัลเบอร์โต มูซาเล็ม ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ และ ราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา เห็นว่าการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวเหมาะสมเพื่อบริหารความเสี่ยงด้านการว่างงาน แต่ย้ำว่าเป้าหมายหลักยังคงเป็นการควบคุมเงินเฟ้อ

• ขณะเดียวกัน สตีเฟน มิแรน ผู้ว่าการเฟด ซึ่งไม่เห็นด้วยกับมติการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% และเสนอให้ลดถึง 0.50% ระบุว่า นโยบายการเงินปัจจุบันอยู่ในระดับที่ “จำกัด” อย่างมากแล้ว

 

นักลงทุนยังจับตาค่าธรรมเนียมวีซ่าประเภทแรงงานต่างชาติชุดใหม่ที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้ ซึ่งได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากผู้บริหารภาคเทคโนโลยีและสังคมออนไลน์
 

ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้น

• S&P 500 ปิดบวก 29.58 จุด หรือ 0.44% ที่ระดับ 6,693.96 จุด

• Nasdaq Composite ปรับขึ้น 156.04 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 22,786.71 จุด

• Dow Jones Industrial Average ปิดบวก 70.65 จุด หรือ 0.15% ที่ระดับ 46,385.92 จุด

 

ความเคลื่อนไหวตลาดพลังงานและทองคำ

 

ราคาน้ำมันปรับตัวใกล้เคียงระดับเดิม โดยความกังวลอุปทานล้นตลาดถูกชดเชยด้วยความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในรัสเซียและตะวันออกกลาง

 

• น้ำมันดิบสหรัฐฯ ปิดลดลง 0.06% หรือ 0.04 ดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 62.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

• น้ำมันดิบเบรนท์ ปิดที่ 66.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.16% หรือ 0.11 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ด้านราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์แนวโน้มการลดดอกเบี้ยเชิงผ่อนคลาย

 

• ทองสปอตเพิ่มขึ้น 1.74% อยู่ที่ 3,747.67 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

• สัญญาทองคำล่วงหน้าสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.03% อยู่ที่ 3,745.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์