สิงคโปร์ตั้งคณะทำงาน รับมือการเปลี่ยนแปลงด้านการค้า-เทคโนโลยี
สิงคโปร์ตั้ง 5 คณะทำงานเฉพาะกิจ ทบทวนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ วางรากฐานความสามารถในการแข่งขันแห่งอนาคต ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
KEY
POINTS
- สิงคโปร์จัดตั้งคณะทำงาน 5 ชุด เพื่อทบทวนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศ
- มีเป้าหมายเพื่อรับมือกับความท้าทายจากความตึงเครียดทางการค้าโลกและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เพื่อรักษาสถานะศูนย์กลางการค้าและการเงิน
- คณะทำงานประกอบด้วยตัวแทนจากหลายภาคส่วน และมีกำหนดเสนอข้อเสนอแนะเพื่อการปรับตัวทางเศรษฐกิจภายในกลางปี 2026
สิงคโปร์ประกาศเดินหน้าทบทวนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศให้สามารถรักษาสถานะการเป็นศูนย์กลางการค้าและการเงินของภูมิภาคเอเชีย ท่ามกลางความท้าทายจากความตึงเครียดทางการค้าและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี โดยมีการจัดตั้งคณะทำงาน 5 ชุดซึ่งประกอบด้วยรัฐมนตรี ผู้แทนภาคธุรกิจ นักวิชาการ และภาคสังคม เพื่อศึกษาแนวทางการปรับตัวของเศรษฐกิจ และเสนอข้อเสนอแนะภายในกลางปี 2026
รัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม นายกัน คิม ยอง (Gan Kim Yong) แถลงข่าวว่า
“เราจำเป็นต้องเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของสิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางการค้าและการลงทุน และรักษาความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกให้มั่นคง”
การทบทวนครั้งนี้มีขึ้นในช่วงที่สิงคโปร์ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนทางการค้าในระดับโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมื่อมูลค่าการค้าโดยรวมของประเทศมีขนาดมากกว่าสามเท่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ปัจจุบัน สินค้าส่งออกของสิงคโปร์ไปยังสหรัฐฯ ยังถูกเรียกเก็บภาษีขั้นต่ำในอัตรา 10% ตามนโยบายการค้าสมัยรัฐบาลทรัมป์ และยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับภาษีเฉพาะกลุ่มในภาคส่วนสำคัญ เช่น ยาและเวชภัณฑ์
ธนาคารกลางสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore - MAS) เปิดเผยว่า อัตราภาษีที่แท้จริงของสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 6.8% ในเดือนเมษายน เป็น 7.8% ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อันเป็นผลจากการปรับเพิ่มภาษีเหล็กและอลูมิเนียม
ทั้งนี้ MAS ยังคงนโยบายการเงินไว้ตามเดิมในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยใช้ท่าทีระมัดระวังและรอดูสถานการณ์ หลังจากที่ได้ผ่อนคลายนโยบายในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
แม้ตัวเลขเศรษฐกิจเบื้องต้นในไตรมาสที่สองของปีนี้แสดงการเติบโตในอัตราที่สูงกว่าคาดการณ์ที่ 4.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ทางการเตือนว่าการเติบโตอาจชะลอลงในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากผลจากการเร่งส่งออกเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีใหม่ของสหรัฐฯ จะเริ่มลดลง


