posttoday

สหรัฐฯ – จีน เปิดเจรจาการค้ารอบใหม่ คาดหาทางขยายเส้นตายภาษี

29 กรกฎาคม 2568

สหรัฐฯ – จีน เปิดเจรจารอบใหม่หวังขยายพักการบังคับใช้ภาษี ปูทางสู่การพบปะระหว่าง “ทรัมป์–สี จิ้นผิง” ในช่วงปลายปี

KEY

POINTS

  • เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ และจีนจัดการเจรจาการค้ารอบใหม่ที่กรุงสตอกโฮล์ม โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อขยายระยะเวลาการพักเก็บภาษีตอบโต้ออกไปอีก 
  • การขยายเส้นตายทางภาษีครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการปูทางสำหรับการประชุมสุดยอดที่อาจเกิดขึ้นระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในช่วงปลายปี
  • จีนเผชิญเส้นตายวันที่ 12 สิงหาคมในการบรรลุข้อตกลง ซึ่งหากล้มเหลวอาจกระทบห่วงโซ่อุปทานโลก ขณะที่การเจรจายังไม่ได้ลงลึกถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่เป็นต้นตอความขัดแย้ง

เจ้าหน้าที่เศรษฐกิจระดับสูงของสหรัฐอเมริกาและจีนจัดการเจรจาในกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขข้อพิพาททางเศรษฐกิจที่สะสมมายาวนานซึ่งอยู่ใจกลางของสงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจของโลก ทั้งสองฝ่ายมุ่งหวังที่จะขยายระยะเวลาการพักการเก็บภาษีตอบโต้ (tariff truce) ออกไปอีก 90 วัน

 

สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในคณะผู้แทนที่เดินทางมายังสำนักงานนายกรัฐมนตรีสวีเดน ณ อาคารโรเซนบัด ใจกลางกรุงสตอกโฮล์มในช่วงบ่าย ขณะที่ฝั่งจีนมี รองนายกรัฐมนตรี เหอ ลี่เฟิงเข้าร่วมการเจรจาด้วย 

 

ทั้งนี้ จีนกำลังเผชิญเส้นตายวันที่ 12 สิงหาคม ในการบรรลุข้อตกลงภาษีที่ยั่งยืนกับฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงเบื้องต้นไปแล้วในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อลดระดับมาตรการภาษีและการจำกัดการส่งออกแร่หายาก (rare earth minerals)

 

คณะเจรจาทั้งสองฝ่ายออกจากสถานที่ประชุมเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน และการเจรจาคาดว่าจะดำเนินต่อในวันอังคาร

 

ทรัมป์แสดงท่าที – ขยายการบังคับใช้ภาษีเพื่อการพบปะกับสี จิ้นผิง

 

ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวถึงการเจรจาดังกล่าวระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ ที่สกอตแลนด์ โดยระบุว่า

 

“ผมอยากเห็นจีนเปิดประเทศมากกว่านี้” ทรัมป์กล่าว

 

การไม่มีข้อตกลงอาจส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานโลกเข้าสู่ภาวะปั่นป่วนอีกครั้ง โดยเฉพาะหากสหรัฐฯ กลับมาเก็บภาษีระดับสามหลัก ซึ่งจะส่งผลเทียบเท่ากับการคว่ำบาตรทางการค้าระหว่างสองประเทศ

 

การเจรจาในกรุงสตอกโฮล์มมีขึ้นภายหลังจากที่สหรัฐฯ เพิ่งบรรลุข้อตกลงการค้าครั้งสำคัญกับสหภาพยุโรปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งกำหนดอัตราภาษี 15% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่ที่ส่งออกจาก EU ไปยังสหรัฐฯ

 

นักวิเคราะห์เชื่อว่ามีแนวโน้มที่ทั้งสองฝ่ายจะขยายระยะเวลาพักการบังคับใช้ภาษีที่เริ่มต้นเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมออกไปอีก 90 วัน ซึ่งจะเอื้ออำนวยต่อการวางแผนการพบปะระหว่างทรัมป์และประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคมหรือต้นเดือนพฤศจิกายน

สหรัฐฯ – จีน เปิดเจรจาการค้ารอบใหม่ คาดหาทางขยายเส้นตายภาษี

 

ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่อาจกระทบการเจรจา

 

หนังสือพิมพ์ Financial Times รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ชะลอการออกข้อจำกัดในการส่งออกเทคโนโลยีไปยังจีน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อการเจรจาและส่งเสริมโอกาสในการจัดการประชุมระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศ

 

ในขณะเดียวกัน ที่กรุงวอชิงตัน สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ จากทั้งสองพรรค เตรียมเสนอร่างกฎหมายในสัปดาห์นี้ เพื่อตอบโต้จีนในประเด็นสิทธิมนุษยชน ชาวชนกลุ่มน้อย นักเคลื่อนไหว และไต้หวัน ซึ่งอาจสร้างความซับซ้อนให้กับการเจรจา

 

แหล่งข่าวเปิดเผยกับ Reuters ว่า ประธานาธิบดีไต้หวัน ไล่ ชิงเต๋อ เตรียมเลื่อนการเยือนสหรัฐฯ ที่กำหนดไว้ในเดือนสิงหาคม ซึ่งอาจทำให้จีนไม่พอใจและส่งผลต่อการเจรจาโดยตรง

 

สาระสำคัญของการเจรจาก่อนหน้า

 

ก่อนหน้านี้ การเจรจาในเจนีวาและลอนดอนเมื่อเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน มุ่งเน้นการลดภาษีตอบโต้ที่สูงระดับสามหลัก และฟื้นฟูการค้าด้านแร่หายากและสินค้าสำคัญ เช่น ชิป H20 AI ของ Nvidia

 

อย่างไรก็ตาม การเจรจาเหล่านั้นยังไม่ลงลึกถึงประเด็นโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่เป็นต้นตอของความขัดแย้ง เช่น การที่จีนสนับสนุนอุตสาหกรรมส่งออกจนทำให้สินค้าจีนล้นตลาดโลก และการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ซึ่งจีนมองว่าเป็นการยับยั้งการเติบโตของตน

 

เบสเซนต์ ได้ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ในการขยายเส้นตาย และระบุว่าสหรัฐฯ ต้องการให้จีนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจโดยลดการพึ่งพาการส่งออก และหันมาเน้นการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายระยะยาวของนโยบายสหรัฐฯ

 

นักวิเคราะห์ชี้ว่า การเจรจากับจีนนั้นซับซ้อนมากกว่าการเจรจากับประเทศในเอเชียอื่น ๆ และจำเป็นต้องใช้เวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจีนยังคงควบคุมตลาดแร่หายากที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ต่ออุตสาหกรรมสหรัฐฯ ตั้งแต่การผลิตยุทโธปกรณ์ไปจนถึงมอเตอร์ปัดน้ำฝนในรถยนต์

 

ข่าวล่าสุด

"แก๊งคอลเซ็นเตอร์" อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ยังระบาดหนัก!