posttoday

เฟดคงอัตราดอกเบี้ย แต่ส่งสัญญาณลด 2 รอบในปีนี้ หวั่นเงินเฟ้อสูง

19 มิถุนายน 2568

ธนาคารกลางสหรัฐคงอัตราดอกเบี้ย แต่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยสองครั้งภายในสิ้นปี 2025 คาดอัตราเงินเฟ้อจะl^’ ผู้บริโภคต้องแบกรับต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายทรัมป์

ธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในวันพุธที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ก็ส่งสัญญาณว่า มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงภายในปี 2025 อย่างไรก็ตาม นายเจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางฯ เตือนว่าไม่ควรให้ความสำคัญกับแนวโน้มดังกล่าวมากเกินไป พร้อมแสดงความคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคง “มีนัยสำคัญ” เนื่องจากผู้บริโภคต้องแบกรับต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของรัฐบาลทรัมป์

 

“ไม่มีใครยึดมั่นกับเส้นทางอัตราดอกเบี้ยเหล่านี้อย่างเด็ดขาด ทุกคนต่างเห็นพ้องว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้อมูลที่จะได้รับ” นายพาวเวลล์กล่าวในงานแถลงข่าวหลังสิ้นสุดการประชุมสองวันของคณะกรรมการ ซึ่งมีมติชะลอแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยโดยรวม เพื่อตอบรับกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น และราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นเร็วเกินคาด

 

พาวเวลล์ระบุว่า หากไม่มีปัจจัยจากภาษีนำเข้า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจเป็นไปได้ เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมาอยู่ในระดับต่ำอย่างน่าพอใจ

 

อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่าต้นทุนด้านราคาสินค้าจะเพิ่มขึ้น โดยผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้จำหน่ายปลีกยังคงอยู่ในกระบวนการต่อรองว่าใครจะเป็นผู้แบกรับภาระจากอัตราภาษีนำเข้า และประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงพิจารณาชุดมาตรการเก็บภาษีนำเข้าที่เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งอาจเริ่มมีผลบังคับใช้ในต้นเดือนหน้า

 

เขาเสริมว่า “เราจะสามารถตัดสินใจอย่างรอบคอบและแม่นยำยิ่งขึ้น หากเรารออีกสักระยะ เพื่อดูว่าอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากภาษีนำเข้าจะส่งผ่านไปยังระบบเศรษฐกิจอย่างไร”

เฟดคงอัตราดอกเบี้ย แต่ส่งสัญญาณลด 2 รอบในปีนี้ หวั่นเงินเฟ้อสูง

 

ภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัว พร้อมเงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่อง

 

ในเอกสารประมาณการเศรษฐกิจฉบับใหม่ซึ่งเผยแพร่พร้อมกับแถลงการณ์ของ Fed นั้น ผู้กำหนดนโยบายได้วาดภาพเศรษฐกิจที่มีลักษณะ “stagflation” หรือชะลอตัวพร้อมเงินเฟ้อ โดยคาดว่าในปี 2025 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) จะลดลงเหลือ 1.4% ขณะที่อัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.5% และอัตราเงินเฟ้อสิ้นปีจะอยู่ที่ 3% ซึ่งยังสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 2%

 

แม้ว่ายังคงคาดว่าจะลดดอกเบี้ยรวม 0.5% ภายในปีนี้ (ตามที่คาดไว้ตั้งแต่เดือนมีนาคมและธันวาคมที่ผ่านมา) แต่หลังจากนั้นจะมีการปรับลดลงอย่างช้าๆ เพียง 0.25% ในปี 2026 และ 2027 ตามลำดับ เพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมาย

 

นอกจากนี้ มีผู้กำหนดนโยบายจำนวน 7 รายจากทั้งหมด 19 รายที่มองว่าไม่จำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยเลย ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะนโยบายภาษีนำเข้าของทรัมป์ที่แม้จะมีความชัดเจนขึ้นจากช่วงเดือนเมษายน แต่ก็ยังไม่สามารถประเมินได้แน่ชัด

 

 

ตลาดแรงงานและแนวนโยบายที่ยังเฝ้าระวัง

 

การคาดการณ์ว่า GDP จะเติบโต 1.4% ในปีนี้ลดลงจากระดับ 1.7% ที่คาดไว้ในเดือนมีนาคม ส่วนอัตราการว่างงานสิ้นปีที่ 4.5% เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์เดิมที่ 4.4% โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาอัตรานี้อยู่ที่ 4.2%

 

อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางฯ ระบุในแถลงการณ์ว่า “อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ และตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง” พร้อมทั้งมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในช่วง 4.25%-4.50%

เฟดคงอัตราดอกเบี้ย แต่ส่งสัญญาณลด 2 รอบในปีนี้ หวั่นเงินเฟ้อสูง

 

ปฏิกิริยาของทรัมป์และผลกระทบจากภูมิรัฐศาสตร์

 

ในแถลงการณ์ของ Fed ไม่มีการกล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านที่ปะทุขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อตลาดน้ำมันและตลาดโลก

 

พาวเวลล์ระบุว่า ธนาคารกลางฯ กำลังจับตามองความขัดแย้งนี้เช่นเดียวกับคนทั่วไป และแม้ว่าราคาพลังงานอาจปรับตัวขึ้นในระยะสั้น แต่โดยทั่วไปแล้ว ราคาดังกล่าวมักจะลดลงในภายหลังและไม่ส่งผลต่อเงินเฟ้อในระยะยาว

 

ตลาดหุ้นสหรัฐแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีก็อยู่ในระดับเดิม ตลาดฟิวเจอร์สบ่งชี้ว่าการประชุม Fed วันที่ 16–17 กันยายน จะเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไป และอาจมีการปรับลดอีกครั้งภายในสิ้นปี 2025

 

แม้ประธานาธิบดีทรัมป์จะเรียกร้องให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยทันที แต่ Fed ก็ยังคงยึดมั่นในจุดยืนของตน โดยให้เหตุผลว่ายังเร็วเกินไปที่จะดำเนินการดังกล่าวจนกว่าจะเห็นผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าอย่างชัดเจน

 

ในระหว่างที่ Fed กำลังประชุมอยู่นั้น ทรัมป์ได้ออกมากล่าวโจมตีนายพาวเวลล์ว่า “โง่เขลา” และเสนอให้ลดดอกเบี้ยลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งถือเป็นการดำเนินนโยบายที่ปกติมีไว้สำหรับภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจรุนแรงเท่านั้น โดยเขายังแสดงความตั้งใจที่จะเข้ารับตำแหน่งประธาน Fed ด้วยตนเองอีกด้วย

 

ทั้งนี้ ธนาคารกลางฯ ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้วสามครั้งเมื่อปีที่แล้ว โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม ผู้กำหนดนโยบายยังคงลังเลที่จะให้คำมั่นเกี่ยวกับกรอบเวลาสำหรับการปรับลดครั้งถัดไป เนื่องจากนโยบายการค้าของสหรัฐมีความผันผวนสูง และยังยากต่อการประเมินว่าภาระต้นทุนจากภาษีนำเข้าจะตกอยู่กับใครในห่วงโซ่อุปทาน

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด ไบรท์ตัน พบ ซันเดอร์แลนด์ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 20 ธ.ค.68