"ฮุน มาเนต“ ยัน JBC ไม่คุยเรื่องเปิดด่าน ย้ำฟ้องศาลโลกแน่นอน
ผู้นำกัมพูชายืนยันยื่นฟ้องศาลโลก 15 มิ.ย.นี้ ปมพิพาท 4 พื้นที่ชายแดน ไม่ว่าฝ่ายไทยจะมีท่าทีอย่างไรก็ตาม ย้ำไม่เจรจาเรื่องเปิดด่านชายแดนใน JBC
ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศจุดยืนผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา ที่จะจัดขึ้นในกรุงพนมเปญ วันที่14 มิถุนายน ยืนยันว่า กัมพูชาจะนำข้อพิพาท 4 จุดชายแดน ได้แก่ พื้นที่ช่องบก, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ในวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ไม่ว่าฝ่ายไทยจะมีท่าทีอย่างไรก็ตาม โดยระบุว่า
“ พรุ่งนี้ เสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2568 คณะกรรมาธิการเขตแดนกัมพูชา-ไทย (JBC) จะประชุมกันอีกครั้ง หลังจากไม่ได้ประชุมกันมานาน 12 ปี
กัมพูชายังคงให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทย ในการส่งเสริมการวัดพรมแดนและปักหมุดพรมแดน ระหว่างสองประเทศที่เหลือ (ยกเว้นพื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และบริเวณช่องบก-มุมไบ) โดยใช้กลไก JBC
ผมขอแจ้งให้เพื่อนร่วมชาติทราบว่า 2 ประเด็นที่จะไม่หารือกันในการประชุม JBC พรุ่งนี้ ได้แก่ ประเด็นปัญหาชายแดนที่เกี่ยวข้องกับปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และบริเวณช่องบก-มุมไบ จะไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือในการประชุม JBC เนื่องจากกัมพูชาได้ตัดสินใจที่จะนำประเด็นปัญหาชายแดนทั้ง 4 พื้นที่ ไปพิจารณาที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)
ฝ่ายกัมพูชากำลังรอการยืนยันจุดยืนของฝ่ายไทยในการประชุม JBC พรุ่งนี้ว่าไทยจะร่วมกับกัมพูชาในการนำประเด็นใน 4 พื้นที่นี้ไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือไม่
ผมขอแจ้งให้เพื่อนร่วมชาติทราบว่า แม้ว่าฝ่ายไทยจะไม่เห็นด้วย หรือให้คำตอบไม่ได้ กัมพูชาจะตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศใน 4 พื้นที่นี้ โดยกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ และจะส่งหนังสืออย่างเป็นทางการไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน
นอกจากนี้ ประเด็นการปิดพรมแดน จะไม่ถูกนำมาหารือในที่ประชุม JBC พรุ่งนี้เช่นกัน เนื่องจากการปิดหรือเปิดประตูพรมแดนไม่ใช่ความรับผิดชอบของ JBC
ปัญหาการปิดพรมแดนจะแก้ไขได้ง่ายหากกองทัพไทย ซึ่งเริ่มปิดพรมแดนฝ่ายเดียวตั้งแต่ 7 มิย. เปิดพรมแดนอีกครั้ง เหมือนที่ทำฝ่ายเดียว
กัมพูชาไม่มีเจตนาที่จะก่อปัญหาที่กระทบต่อการเดินทางหรือการค้าข้ามพรมแดนของคนไทยและกัมพูชา แต่กัมพูชามีความสามารถเพียงพอที่จะนำมาตรการมาใช้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามหรือแรงกดดันจากภายนอก
ผมขอยืนยันว่ากัมพูชาไม่ใช่ผู้ริเริ่มปัญหานี้ ดังนั้นกัมพูชาไม่ควรเป็นผู้ยุติปัญหานี้ก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นโดยฝ่ายหนึ่งต้องยุติโดยฝ่ายหนึ่ง ไม่ต้องต่อรอง ใครเริ่มก่อน ต้องจบก่อน”


