สื่อกัมพูชาเผย มาครงพร้อมจัดหาหลักฐานแก้ไขข้อพิพาทชายแดน
รัฐมนตรีกัมพูชาเผย ประธานาธิบดี มาครง ของฝรั่งเศสแสดงความพร้อมช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดหาหลักฐานเพื่อแก้ไขข้อพิพาทชายแดนกัมพูชา–ไทย
สำนักข่าว Khmer Times รายงานข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส แสดงท่าทีพร้อมช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดหาหลักฐานให้แก่ทั้งฝ่ายกัมพูชาและไทย หากมีความจำเป็น เพื่อสนับสนุนกระบวนการแก้ไขข้อพิพาทบริเวณชายแดนระหว่างสองประเทศ
คำแถลงดังกล่าวเปิดเผยโดย ฌ็อง-ฟร็องซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฝ่ายกิจการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการแถลงข่าวที่สนามบินนานาชาติพนมเปญ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 12 มิถุนายน 2025 โดยเป็นการสรุปผลการเยือนเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส ของสมเด็จอัครมหาเสนาบดี ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยมหาสมุทร ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 9–11 มิถุนายน 2025
นายตันระบุว่า ในการพบปะกับผู้นำประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีฮุน มาแนต ได้ยืนยันจุดยืนของกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาเขตแดนกับประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดยืนที่ได้กล่าวย้ำต่อผู้นำมาเลเซียไปก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน
จุดยืนทั้ง 4 ประการของกัมพูชาในการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนกับประเทศไทย มีดังนี้:
1. ยึดมั่นในการธำรงสันติภาพ ความเป็นมิตร และความร่วมมือที่ดี กับประเทศไทย
2. การนำกรณีพิพาทในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊จ ปราสาทตาเครบ และพื้นที่มอมเปยเข้าสู่กระบวนการของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เป็นแนวทางในการแสวงหาคำตัดสินอย่างสันติ เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลากยาวจนเกิดการปะทะอีกครั้งในอนาคต
3. ร่วมมือกับฝ่ายไทยในการจัดทำแผนที่และการปักปันเขตแดนที่เหลืออยู่ โดยอาศัยกลไกของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC)
4. รักษาความสัมพันธ์และความร่วมมือผ่านกลไกที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนทั้งสองประเทศ
รัฐมนตรีตันกล่าวเพิ่มเติมว่า “ท่านนายกรัฐมนตรีได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นหารือกับประธานาธิบดีมาครงเพื่อจุดประสงค์เดียวเท่านั้น คือเพื่อชี้แจงจุดยืนของกัมพูชา ไม่มีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝง ดังนั้น เราจึงไม่ได้คาดหวังคำตอบที่ชัดเจนจากประธานาธิบดีมาครง แต่สิ่งสำคัญที่ควรกล่าวคือ ประธานาธิบดีมาครงระบุว่าฝรั่งเศสสามารถช่วยอำนวยความสะดวกได้ เช่น การจัดหาหลักฐานหรือเอกสารที่จำเป็นให้แก่ทั้งสองฝ่าย หากสถานการณ์เรียกร้อง”


