posttoday

เอเชียทุ่มงบกลาโหมทะลุ 3 แสนล้านบาท รับมือวิกฤตซ้อนวิกฤต

28 พฤษภาคม 2568

รายงาน IISS ชี้ เอเชียทุ่มงบกลาโหมทะลุ 3 แสนล้านบาท เสริมแกร่งเขี้ยวเล็บ รับมือวิกฤตซ้อนวิกฤต สหรัฐฯ-จีน-ยูเครน

สำนักข่าว REUTERS รายงานว่า หลายชาติในเอเชียกำลังเร่งยกระดับการใช้จ่ายทางทหารอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านการจัดซื้อยุทโธปกรณ์และงบประมาณการวิจัย เพื่อตอบสนองต่อภูมิทัศน์ความมั่นคงทั่วโลกที่ทวีความตึงเครียดและซับซ้อนยิ่งขึ้น

 

รายงานล่าสุดจากสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษาเชิงยุทธศาสตร์ (IISS) ระบุว่า แนวโน้มดังกล่าวได้ผลักดันให้เกิดการขยายความร่วมมือกับต่างชาติ ควบคู่ไปกับการเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของตนเอง

 

รายงานฉบับนี้ มีชื่อว่า "การประเมินความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประจำปี" (The Asia-Pacific Regional Security Assessment) ชี้ให้เห็นว่า

 

แม้เป้าหมายสูงสุดของหลายประเทศคือการพึ่งพาตนเองทางทหาร แต่การถ่ายทอดเทคโนโลยีและความร่วมมือจากพันธมิตรภายนอกยังคงเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้

 

เอเชียทุ่มงบกลาโหมทะลุ 3 แสนล้านบาท รับมือวิกฤตซ้อนวิกฤต

 

ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญมาจากความขัดแย้งในยูเครนและตะวันออกกลาง, การแข่งขันทางยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงสถานการณ์ความมั่นคงที่เปราะบางในเอเชียแปซิฟิกเอง 

 

สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็น ‘ตัวเร่ง’ ให้แต่ละประเทศต้องพัฒนาขีดความสามารถทางทหารเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้น

 

รายงานเจาะจงถึงกลุ่มประเทศหลักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม

 

ว่ามีการใช้จ่ายเพื่อการจัดซื้อยุทโธปกรณ์และการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพิ่มขึ้นถึง 2.7 พันล้านดอลลาร์หรือราว 9 หมื่นล้านบาทในช่วงปี 2565-2567

 

ส่งผลให้ยอดใช้จ่ายเพื่อการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ รวมแตะระดับ 1.05 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.4 แสนล้านบาท

 

การเพิ่มขึ้นนี้เกิดขึ้นแม้ว่าการจัดสรรงบประมาณกลาโหมโดยรวมจะยังคงที่เฉลี่ยอยู่ที่ 1.5% ของ GDP ตลอดทศวรรษที่ผ่านมาก็ตาม

 

เอเชียทุ่มงบกลาโหมทะลุ 3 แสนล้านบาท รับมือวิกฤตซ้อนวิกฤต

 

การเปิดเผยรายงานนี้มีขึ้นก่อนการประชุมด้านความมั่นคง แชงกรี-ลา ไดอะล็อก (Shangri-La Dialogue) ที่สิงคโปร์ ซึ่งคาดว่าจะเป็นเวทีสำคัญในการหารือถึงความท้าทายด้านความมั่นคงที่หลากหลาย

 

ตั้งแต่สงครามในยูเครน, ความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐฯ หากรัฐบาลเปลี่ยนขั้ว, ไปจนถึงความตึงเครียดบริเวณช่องแคบไต้หวันและทะเลจีนใต้

แม้จะมีความพยายามพึ่งพาตนเอง แต่ IISS ชี้ว่าประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียแปซิฟิกยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าเทคโนโลยีและยุทโธปกรณ์ที่สำคัญ เช่น เรือดำน้ำ เครื่องบินขับไล่ โดรน และระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง 

 

ขณะเดียวกัน รายงานยังตั้งข้อสังเกตถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในเวทีอุตสาหกรรมป้องกันประเทศระดับภูมิภาค ในขณะที่บริษัทจากยุโรปยังคงมีอิทธิพลผ่านการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการร่วมทุน

 

อย่างไรก็ตาม เส้นทางการพัฒนาร่วมกันไม่ได้ราบรื่นเสมอไป รายงานได้ยกตัวอย่างโครงการขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง BrahMos ซึ่งเป็นความร่วมมือยาวนานกว่าสองทศวรรษระหว่างอินเดียและรัสเซีย

 

เอเชียทุ่มงบกลาโหมทะลุ 3 แสนล้านบาท รับมือวิกฤตซ้อนวิกฤต

 

แม้จะประสบความสำเร็จในการนำเข้าประจำการในกองทัพอินเดีย แต่การส่งออกกลับเผชิญอุปสรรคและเพิ่งเริ่มส่งมอบให้ฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นลูกค้ารายแรกได้ในปี 2567

 

ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างรัสเซียและจีนอาจสร้างความซับซ้อนให้กับอนาคตของโครงการ โดยมีความเป็นไปได้ที่รัสเซียอาจหันไปให้ความสำคัญกับการร่วมมือกับจีนในการพัฒนารุ่นไฮเปอร์โซนิก (hypersonic) แทน

 

ข่าวล่าสุด

ขนส่ง เตือน! รถติดถุงลมนิรภัยทาคาตะ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต เช็ก-เปลี่ยนฟรี