เจาะตัวเต็ง "เลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้" วัดอนาคตประเทศ
ใครคือตัวเต็งที่จะพาประเทศฝ่ามรสุมเศรษฐกิจและวิกฤตการณ์รอบด้าน เจาะตัวเต็งผู้สมัคร "เลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้" วัดอนาคตชาติ หลังวิกฤตรัฐธรรมนูญสั่นคลอน
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 3 มิถุนายนนี้ ท่ามกลางวิกฤตรัฐธรรมนูญที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี
การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะชี้ชะตาอนาคตทางการเมือง แต่ยังส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่สั่นคลอนมานาน
สุญญากาศทางการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ได้กัดกร่อนความเชื่อมั่นทั้งในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ จนเศรษฐกิจต้องเผชิญภาวะถดถอย
สวนทางกับกระแสโลกที่กำลังจับตามาตรการภาษีทางการค้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตในอนาคต
ทำไมเกาหลีใต้จัดเลือกตั้งฉุกเฉิน?
การเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เนื่องจาก ยุน ซุก-ยอล อดีต ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ จากฝ่ายอนุรักษ์นิยม ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 เมษายน
ด้วยข้อหาละเมิดรัฐธรรมนูญ เพียงไม่ถึงสามปีหลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม กฎหมาย เกาหลีใต้ กำหนดให้ต้องมีการ เลือกตั้ง ภายใน 60 วันหลังจากการถอดถอนผู้นำ
สิ่งที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกคือการที่ "ยุน" ประกาศใช้กฎอัยการศึกในเดือนธันวาคมปีก่อน ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ เกาหลีใต้ ก้าวสู่ประชาธิปไตยเต็มตัวเมื่อราว 40 ปีที่แล้ว
แม้เป้าหมายส่วนหนึ่งคือการฝ่าทางตันทางการเมืองในรัฐสภาที่ฝ่ายค้านครองเสียงข้างมาก แต่คำสั่งของเขากลับถูกสมาชิกรัฐสภาตีตกอย่างรวดเร็ว และนำไปสู่การถอดถอนในที่สุด
ใครคือตัวเต็ง ชิงชัยเก้าอี้ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้?
ชาวเกาหลีใต้จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครเพียงคนเดียว โดยผู้ชนะจะดำรงตำแหน่ง 5 ปี และการลงคะแนนไม่ใช่ข้อบังคับ
ผู้สมัครหลักสองคนในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ อี แจ-มยอง อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปไตย ตัวแทนจากฝ่ายซ้าย และ คิม มุน-ซู จากพรรคพลังประชาชน (PPP) ตัวแทนจากฝ่ายขวา
แม้จะมีเส้นทางการเมืองที่แตกต่างกัน แต่ทั้งคู่ต่างเคยเป็นนักเคลื่อนไหวแรงงานมาก่อน
โดยคิม มุน-ซูนั้นเคยถูกจำคุกมาแล้วจากการนำการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในช่วงทศวรรษ 1980 สมัยที่เกาหลีใต้ยังอยู่ภายใต้การปกครองของทหาร
อี แจ-มยอง วัย 60 ปี เคยพ่ายแพ้ให้กับ "ยุน" อย่างเฉียดฉิวในการ เลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ครั้งก่อนในปี 2022 แต่ด้วยเสียงข้างมากในรัฐสภา
ทำให้เขาสามารถขัดขวางนโยบายของรัฐบาล "ยุน" ได้ และยังเป็นหัวหอกในการรณรงค์ถอดถอน "ยุน" ออกจากตำแหน่งจากเหตุการณ์ประกาศกฎอัยการศึก
ส่วนคิม มุน-ซู วัย 73 ปี ได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกพรรค PPP ให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แม้เดิมทีพรรคจะมีตัวเลือกที่เป็นกลางกว่า
คิมได้รับคำชื่นชมจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมบางส่วนที่เคยคัดค้านการถอดถอนยุน ซึ่งเป็นจุดแข็งของเขา
อย่างไรก็ตาม การจะชนะการเลือกตั้งได้ เขาจะต้องดึงดูดฐานเสียงที่กว้างกว่ากลุ่มผู้สนับสนุนหลักของพรรค
พรรค PPP เองก็เคยเผชิญกับปัญหาในการดึงดูดฐานเสียงใหม่ๆ แต่สถานการณ์ก็พลิกผันไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อความนิยมของพรรคเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากการดีเบตครั้งแรกของผู้สมัครและการถอนตัวของยุนออกจากพรรค
ในบรรดาผู้สมัครคนอื่นๆ ยังมี อี จุน-ซอก วัย 40 ปี อดีตผู้นำพรรค PPP ซึ่งปัจจุบันลงสมัครในนาม พรรคปฏิรูป ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวาที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่
"อี จุน-ซอก" อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้คะแนนเสียงฝ่ายอนุรักษ์นิยมแตก เนื่องจากเขามีจุดยืนวิพากษ์วิจารณ์กฎอัยการศึกของ "ยุน" อย่างรุนแรง และปฏิเสธที่จะเข้าร่วมพันธมิตรกับ "คิม"
ใครมีแนวโน้มชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้?
อี แจ-มยอง ยังคงเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่ง แต่ผลสำรวจล่าสุดเผยว่าคะแนนนำของเขากำลังถูก คิม ไล่ตามมาติด ๆ
ผลสำรวจของ Gallup Korea ระหว่างวันที่ 20-22 พฤษภาคม ชี้ว่า อี ได้รับการสนับสนุนประมาณ 45% ลดลง 6% จากสัปดาห์ก่อนหน้า
ขณะที่ คิม ได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้น 7% เป็น 36%
ส่วน อี จุน-ซอก มีคะแนนดีขึ้น 2% เป็น 10% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเท่าที่เคยทำมา
อย่างไรก็ตาม หาก อี จุน-ซอก หรือ คิม ถอนตัวจากการแข่งขัน ผู้สมัครฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่เหลืออาจมีคะแนนสูสีหรือแม้กระทั่งชนะการเลือกตั้งได้ หากพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากคู่แข่งที่ถอนตัวไป
แม้ว่านักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมทั้งสองจะยืนกรานว่าจะไม่ถอนตัว แต่การเลือกตั้งในอดีตก็เคยมีผู้สมัครถอนตัวกลางคันมาแล้ว
อะไรคือความกังวลหลักของชาวเกาหลีใต้?
สำหรับชาวเกาหลีใต้แล้ว เศรษฐกิจ ยังคงเป็นหัวใจหลักของความกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการหดตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 2025 ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของธุรกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
ทำให้ภารกิจสำคัญของประธานาธิบดีคนใหม่คือการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง ก่อนที่มาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกอย่างเต็มที่
นอกเหนือจากภาพรวมทางเศรษฐกิจแล้ว ปัญหาที่จับต้องได้อย่าง ที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง และการ สร้างงานที่มากขึ้น ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน
ประเด็นของการ ฟื้นฟูความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาติ เป็นอีกหนึ่งข้อกังวลที่ถูกหยิบยกขึ้นมา แม้จะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่ช่วงเวลาแห่งเสถียรภาพภายใต้ผู้นำคนใหม่สามารถช่วยบรรเทาความตึงเครียดภายในประเทศได้
นอกจากนี้ การปฏิรูปรัฐธรรมนูญที่รอคอยมานาน เพื่อให้สามารถดำรงตำแหน่งต่อเนื่องได้ อาจนำมาซึ่งความต่อเนื่องทางการเมืองของเกาหลีใต้
ในด้าน นโยบายต่างประเทศ ก็เป็นข้อกังวลหลักเช่นกัน เนื่องจากความเสียหายทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการภาษี
รวมถึงความจำเป็นในการยับยั้งภัยคุกคามจากการพัฒนาขีดความสามารถทางทหารของเกาหลีเหนือที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย
เดิมพันของภูมิภาคเอเชีย
ประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่กำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญในการกำหนดทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระชับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงไตรภาคีกับสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น
ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อข้อตกลงด้านการป้องกันประเทศที่มีอยู่
ความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปในเชิงบวกกับญี่ปุ่นภายใต้การนำของประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล อาจตกอยู่ในความเสี่ยงสูงสุด หากผู้นำคนใหม่ของเกาหลีใต้มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายและทิศทางที่ได้ดำเนินการมาแล้ว
สำหรับ อี แจ-มยอง แม้ว่าจุดยืนทางการเมืองในปัจจุบันของเขาดูเหมือนจะไม่ก่อให้เกิดความผันผวนทางการทูตเท่าในอดีต
แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะกลับไปใช้ท่าทีที่ประนีประนอมกับเกาหลีเหนือมากขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่เคยเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาลอนุรักษ์นิยม
ในทางตรงกันข้าม หากคิม มุน-ซู ชนะการเลือกตั้ง คาดว่าจะมีการสานต่อนโยบายที่แข็งกร้าวของประธานาธิบดียุนต่อเกาหลีเหนือ และการเสริมสร้างความสัมพันธ์ไตรภาคีระหว่างเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ ผู้สมัครฝ่ายอนุรักษ์นิยมรายนี้ยังได้กล่าวถึงความจำเป็นในการแสวงหาข้อตกลงการแบ่งปันนิวเคลียร์ที่คล้ายกับ NATO ซึ่งเป็นข้อเสนอที่น่าจับตา
อีกหนึ่งคำถามสำคัญคือ เกาหลีใต้จะรักษาสมดุลอย่างไรเมื่อเผชิญกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างพันธมิตรด้านความมั่นคงอย่างสหรัฐฯ และคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดอย่างจีน
ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับผู้นำคนใหม่ในการกำหนดนโยบายต่างประเทศของประเทศให้มีความรอบคอบและสมดุล
ทรัมป์เป็นตัวแปร เลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ หรือไม่?
การส่งออกของเกาหลีใต้คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% ของเศรษฐกิจ ทำให้ประเทศมีความเปราะบางอย่างยิ่งต่อมาตรการทางภาษีที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนโยบายของสหรัฐอเมริกาในยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
จุดยืนของผู้สมัครต่อนโยบายสหรัฐฯ
- อี แจ-มยอง ยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องเร่งรัดทำข้อตกลงในการเจรจากับสหรัฐฯ โดยเน้นย้ำว่าสหรัฐฯ ไม่ควรมี "อำนาจเหนือกว่าอย่างท่วมท้น" ในการเจรจา
- คิม มุน-ซู แสดงความตั้งใจที่จะจัดการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีทรัมป์ทันทีหากได้รับเลือกตั้ง เพื่อแก้ไขปัญหาภาษี เนื่องจากมองว่าข้อตกลงก่อนการเลือกตั้งไม่น่าจะเกิดขึ้น
จุดยืนที่แตกต่างกันในการเจรจากับสหรัฐฯ เหล่านี้อาจมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
นอกเหนือจากประเด็นทางภาษีแล้ว วิธีที่ผู้สมัครตอบสนองต่อแนวคิดเรื่องการลดกำลังพลของสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้
หรือการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายที่เกาหลีใต้ต้องรับผิดชอบสำหรับการคงอยู่ของทหารอเมริกัน ก็เป็นอีกประเด็นสำคัญที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจ
นโยบายอื่นๆ ที่ต้องจับตา
สัดส่วนพลังงานของ เกาหลีใต้ มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะชนะการ นโยบายด้านพลังงานของเกาหลีใต้กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
โดยผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางที่ชัดเจน อี แจ-มยอง ผู้สมัครคนสำคัญ ได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะ ยุติการใช้โรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมดภายในปี 2040
และคัดค้านการก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใหม่ พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการ ขยายสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน อย่างมีนัยสำคัญ
หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านนิวเคลียร์ตามแนวทางของอี แจ-มยอง จะถือเป็นการเดินสวนทางกับกระแสโลกที่กำลังกลับมาให้ความสำคัญกับพลังงานคาร์บอนต่ำนี้อีกครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลายประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ ฝรั่งเศส ซึ่งต่างกำลังเร่งดำเนินการก่อสร้างหรือฟื้นฟูเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
ในทางตรงกันข้าม คิม มุน-ซู ผู้สมัครอีกคนหนึ่ง ได้แสดงจุดยืนที่สนับสนุน พลังงานนิวเคลียร์ โดยมองว่าเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าที่ทั้ง ถูกและปลอดภัย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเห็นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตพลังงานของเกาหลีใต้


