posttoday

เจาะตัวเต็ง "เลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้" วัดอนาคตประเทศ

27 พฤษภาคม 2568

ใครคือตัวเต็งที่จะพาประเทศฝ่ามรสุมเศรษฐกิจและวิกฤตการณ์รอบด้าน เจาะตัวเต็งผู้สมัคร "เลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้" วัดอนาคตชาติ หลังวิกฤตรัฐธรรมนูญสั่นคลอน

 

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 3 มิถุนายนนี้ ท่ามกลางวิกฤตรัฐธรรมนูญที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี

 

การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะชี้ชะตาอนาคตทางการเมือง แต่ยังส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่สั่นคลอนมานาน

 

สุญญากาศทางการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ได้กัดกร่อนความเชื่อมั่นทั้งในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ จนเศรษฐกิจต้องเผชิญภาวะถดถอย

 

สวนทางกับกระแสโลกที่กำลังจับตามาตรการภาษีทางการค้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตในอนาคต

 

เจาะตัวเต็ง "เลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้" วัดอนาคตประเทศ

 

ทำไมเกาหลีใต้จัดเลือกตั้งฉุกเฉิน?

 

การเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เนื่องจาก ยุน ซุก-ยอล อดีต ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ จากฝ่ายอนุรักษ์นิยม ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 เมษายน

 

ด้วยข้อหาละเมิดรัฐธรรมนูญ เพียงไม่ถึงสามปีหลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่ง 

 

อย่างไรก็ตาม กฎหมาย เกาหลีใต้ กำหนดให้ต้องมีการ เลือกตั้ง ภายใน 60 วันหลังจากการถอดถอนผู้นำ

 

สิ่งที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกคือการที่ "ยุน" ประกาศใช้กฎอัยการศึกในเดือนธันวาคมปีก่อน ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ เกาหลีใต้ ก้าวสู่ประชาธิปไตยเต็มตัวเมื่อราว 40 ปีที่แล้ว

 

แม้เป้าหมายส่วนหนึ่งคือการฝ่าทางตันทางการเมืองในรัฐสภาที่ฝ่ายค้านครองเสียงข้างมาก แต่คำสั่งของเขากลับถูกสมาชิกรัฐสภาตีตกอย่างรวดเร็ว และนำไปสู่การถอดถอนในที่สุด

เจาะตัวเต็ง "เลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้" วัดอนาคตประเทศ

 

ใครคือตัวเต็ง ชิงชัยเก้าอี้ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้?

ชาวเกาหลีใต้จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครเพียงคนเดียว โดยผู้ชนะจะดำรงตำแหน่ง 5 ปี และการลงคะแนนไม่ใช่ข้อบังคับ

 

ผู้สมัครหลักสองคนในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ อี แจ-มยอง อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปไตย ตัวแทนจากฝ่ายซ้าย และ คิม มุน-ซู จากพรรคพลังประชาชน (PPP) ตัวแทนจากฝ่ายขวา 

 

แม้จะมีเส้นทางการเมืองที่แตกต่างกัน แต่ทั้งคู่ต่างเคยเป็นนักเคลื่อนไหวแรงงานมาก่อน

 

โดยคิม มุน-ซูนั้นเคยถูกจำคุกมาแล้วจากการนำการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในช่วงทศวรรษ 1980 สมัยที่เกาหลีใต้ยังอยู่ภายใต้การปกครองของทหาร

 

อี แจ-มยอง วัย 60 ปี เคยพ่ายแพ้ให้กับ "ยุน" อย่างเฉียดฉิวในการ เลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ครั้งก่อนในปี 2022 แต่ด้วยเสียงข้างมากในรัฐสภา

 

ทำให้เขาสามารถขัดขวางนโยบายของรัฐบาล "ยุน" ได้ และยังเป็นหัวหอกในการรณรงค์ถอดถอน "ยุน" ออกจากตำแหน่งจากเหตุการณ์ประกาศกฎอัยการศึก

 

ส่วนคิม มุน-ซู วัย 73 ปี ได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกพรรค PPP ให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แม้เดิมทีพรรคจะมีตัวเลือกที่เป็นกลางกว่า

 

คิมได้รับคำชื่นชมจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมบางส่วนที่เคยคัดค้านการถอดถอนยุน ซึ่งเป็นจุดแข็งของเขา

 

Lee Jae-myung

 

อย่างไรก็ตาม การจะชนะการเลือกตั้งได้ เขาจะต้องดึงดูดฐานเสียงที่กว้างกว่ากลุ่มผู้สนับสนุนหลักของพรรค 

 

พรรค PPP เองก็เคยเผชิญกับปัญหาในการดึงดูดฐานเสียงใหม่ๆ แต่สถานการณ์ก็พลิกผันไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อความนิยมของพรรคเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากการดีเบตครั้งแรกของผู้สมัครและการถอนตัวของยุนออกจากพรรค

 

ในบรรดาผู้สมัครคนอื่นๆ ยังมี อี จุน-ซอก วัย 40 ปี อดีตผู้นำพรรค PPP ซึ่งปัจจุบันลงสมัครในนาม พรรคปฏิรูป ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวาที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ 

 

"อี จุน-ซอก" อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้คะแนนเสียงฝ่ายอนุรักษ์นิยมแตก เนื่องจากเขามีจุดยืนวิพากษ์วิจารณ์กฎอัยการศึกของ "ยุน" อย่างรุนแรง และปฏิเสธที่จะเข้าร่วมพันธมิตรกับ "คิม"

 

เจาะตัวเต็ง "เลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้" วัดอนาคตประเทศ

 

ใครมีแนวโน้มชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้?

 

อี แจ-มยอง ยังคงเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่ง แต่ผลสำรวจล่าสุดเผยว่าคะแนนนำของเขากำลังถูก คิม ไล่ตามมาติด ๆ

 

ผลสำรวจของ Gallup Korea ระหว่างวันที่ 20-22 พฤษภาคม ชี้ว่า อี ได้รับการสนับสนุนประมาณ 45% ลดลง 6% จากสัปดาห์ก่อนหน้า 

 

ขณะที่ คิม ได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้น 7% เป็น 36% 

 

ส่วน อี จุน-ซอก มีคะแนนดีขึ้น 2% เป็น 10% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเท่าที่เคยทำมา

 

อย่างไรก็ตาม หาก อี จุน-ซอก หรือ คิม ถอนตัวจากการแข่งขัน ผู้สมัครฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่เหลืออาจมีคะแนนสูสีหรือแม้กระทั่งชนะการเลือกตั้งได้ หากพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากคู่แข่งที่ถอนตัวไป 

แม้ว่านักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมทั้งสองจะยืนกรานว่าจะไม่ถอนตัว แต่การเลือกตั้งในอดีตก็เคยมีผู้สมัครถอนตัวกลางคันมาแล้ว

 

เจาะตัวเต็ง "เลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้" วัดอนาคตประเทศ

 

อะไรคือความกังวลหลักของชาวเกาหลีใต้?

 

สำหรับชาวเกาหลีใต้แล้ว เศรษฐกิจ ยังคงเป็นหัวใจหลักของความกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการหดตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 2025 ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของธุรกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 

 

ทำให้ภารกิจสำคัญของประธานาธิบดีคนใหม่คือการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง ก่อนที่มาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกอย่างเต็มที่

 

นอกเหนือจากภาพรวมทางเศรษฐกิจแล้ว ปัญหาที่จับต้องได้อย่าง ที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง และการ สร้างงานที่มากขึ้น ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน

 

ประเด็นของการ ฟื้นฟูความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาติ เป็นอีกหนึ่งข้อกังวลที่ถูกหยิบยกขึ้นมา แม้จะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่ช่วงเวลาแห่งเสถียรภาพภายใต้ผู้นำคนใหม่สามารถช่วยบรรเทาความตึงเครียดภายในประเทศได้

 

นอกจากนี้ การปฏิรูปรัฐธรรมนูญที่รอคอยมานาน เพื่อให้สามารถดำรงตำแหน่งต่อเนื่องได้ อาจนำมาซึ่งความต่อเนื่องทางการเมืองของเกาหลีใต้

 

ในด้าน นโยบายต่างประเทศ ก็เป็นข้อกังวลหลักเช่นกัน เนื่องจากความเสียหายทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการภาษี

 

 รวมถึงความจำเป็นในการยับยั้งภัยคุกคามจากการพัฒนาขีดความสามารถทางทหารของเกาหลีเหนือที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย

 

เจาะตัวเต็ง "เลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้" วัดอนาคตประเทศ

 

เดิมพันของภูมิภาคเอเชีย

 

ประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่กำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญในการกำหนดทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระชับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงไตรภาคีกับสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น

 

ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อข้อตกลงด้านการป้องกันประเทศที่มีอยู่

 

ความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปในเชิงบวกกับญี่ปุ่นภายใต้การนำของประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล อาจตกอยู่ในความเสี่ยงสูงสุด หากผู้นำคนใหม่ของเกาหลีใต้มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายและทิศทางที่ได้ดำเนินการมาแล้ว

 

สำหรับ อี แจ-มยอง แม้ว่าจุดยืนทางการเมืองในปัจจุบันของเขาดูเหมือนจะไม่ก่อให้เกิดความผันผวนทางการทูตเท่าในอดีต

 

แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะกลับไปใช้ท่าทีที่ประนีประนอมกับเกาหลีเหนือมากขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่เคยเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาลอนุรักษ์นิยม

 

ในทางตรงกันข้าม หากคิม มุน-ซู ชนะการเลือกตั้ง คาดว่าจะมีการสานต่อนโยบายที่แข็งกร้าวของประธานาธิบดียุนต่อเกาหลีเหนือ และการเสริมสร้างความสัมพันธ์ไตรภาคีระหว่างเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา 

 

นอกจากนี้ ผู้สมัครฝ่ายอนุรักษ์นิยมรายนี้ยังได้กล่าวถึงความจำเป็นในการแสวงหาข้อตกลงการแบ่งปันนิวเคลียร์ที่คล้ายกับ NATO ซึ่งเป็นข้อเสนอที่น่าจับตา

 

อีกหนึ่งคำถามสำคัญคือ เกาหลีใต้จะรักษาสมดุลอย่างไรเมื่อเผชิญกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างพันธมิตรด้านความมั่นคงอย่างสหรัฐฯ และคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดอย่างจีน

 

ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับผู้นำคนใหม่ในการกำหนดนโยบายต่างประเทศของประเทศให้มีความรอบคอบและสมดุล

 

เจาะตัวเต็ง "เลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้" วัดอนาคตประเทศ

 

ทรัมป์เป็นตัวแปร เลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ หรือไม่?

 

การส่งออกของเกาหลีใต้คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% ของเศรษฐกิจ ทำให้ประเทศมีความเปราะบางอย่างยิ่งต่อมาตรการทางภาษีที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนโยบายของสหรัฐอเมริกาในยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

 

จุดยืนของผู้สมัครต่อนโยบายสหรัฐฯ

  • อี แจ-มยอง ยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องเร่งรัดทำข้อตกลงในการเจรจากับสหรัฐฯ โดยเน้นย้ำว่าสหรัฐฯ ไม่ควรมี "อำนาจเหนือกว่าอย่างท่วมท้น" ในการเจรจา

 

  • คิม มุน-ซู แสดงความตั้งใจที่จะจัดการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีทรัมป์ทันทีหากได้รับเลือกตั้ง เพื่อแก้ไขปัญหาภาษี เนื่องจากมองว่าข้อตกลงก่อนการเลือกตั้งไม่น่าจะเกิดขึ้น

 

จุดยืนที่แตกต่างกันในการเจรจากับสหรัฐฯ เหล่านี้อาจมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

 

นอกเหนือจากประเด็นทางภาษีแล้ว วิธีที่ผู้สมัครตอบสนองต่อแนวคิดเรื่องการลดกำลังพลของสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้

 

หรือการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายที่เกาหลีใต้ต้องรับผิดชอบสำหรับการคงอยู่ของทหารอเมริกัน ก็เป็นอีกประเด็นสำคัญที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจ

 

เจาะตัวเต็ง "เลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้" วัดอนาคตประเทศ

 

นโยบายอื่นๆ ที่ต้องจับตา

 

สัดส่วนพลังงานของ เกาหลีใต้ มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะชนะการ นโยบายด้านพลังงานของเกาหลีใต้กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

 

โดยผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางที่ชัดเจน อี แจ-มยอง ผู้สมัครคนสำคัญ ได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะ ยุติการใช้โรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมดภายในปี 2040

 

และคัดค้านการก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใหม่ พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการ ขยายสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน อย่างมีนัยสำคัญ

 

หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านนิวเคลียร์ตามแนวทางของอี แจ-มยอง จะถือเป็นการเดินสวนทางกับกระแสโลกที่กำลังกลับมาให้ความสำคัญกับพลังงานคาร์บอนต่ำนี้อีกครั้ง

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลายประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ ฝรั่งเศส ซึ่งต่างกำลังเร่งดำเนินการก่อสร้างหรือฟื้นฟูเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

 

ในทางตรงกันข้าม คิม มุน-ซู ผู้สมัครอีกคนหนึ่ง ได้แสดงจุดยืนที่สนับสนุน พลังงานนิวเคลียร์ โดยมองว่าเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าที่ทั้ง ถูกและปลอดภัย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเห็นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตพลังงานของเกาหลีใต้

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ