posttoday

เฟดเตรียมปรับยุทธศาสตร์การเงิน ชี้กลยุทธ์เดิมเริ่มไม่ได้ผล

16 พฤษภาคม 2568

เฟดส่งสัญญาณทบทวนกลยุทธ์นโยบายการเงินใหม่ เตรียมรับมือภาวะช็อกด้านอุปทานที่ถี่ขึ้น ชี้ยุทธศาสตร์เดิมไม่ตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงยุคใหม่

 

เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เปิดเผยว่า เฟดกำลังพิจารณาทบทวนกรอบยุทธศาสตร์ด้านนโยบายการเงินครั้งสำคัญ โดยเฉพาะประเด็นการจ้างงานและเงินเฟ้อ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการระบาดของโควิด-19 และความเสี่ยงจากภาวะช็อกด้านอุปทานที่อาจเกิดขึ้นบ่อยและยืดเยื้อมากขึ้นในอนาคต

 

“เราอาจกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของภาวะช็อกด้านอุปทานที่เกิดบ่อยและอาจคงอยู่ได้นาน ซึ่งเป็นความท้าทายสำหรับทั้งเศรษฐกิจและธนาคารกลาง” พาวเวลล์กล่าวในการประชุมเชิงนโยบายสองวันของเฟด

 

ยุทธศาสตร์เดิมอาจไม่ตอบโจทย์ยุคใหม่

 

กรอบยุทธศาสตร์ปัจจุบันของเฟดซึ่งเริ่มใช้ในปี 2020 มุ่งเน้นการปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นได้ชั่วคราว เพื่อชดเชยช่วงเวลาที่เงินเฟ้อต่ำในอดีต และเปิดช่องให้อัตราการว่างงานลดต่ำลงกว่าระดับปกติ โดยไม่ถือเป็นความเสี่ยง แต่พาวเวลล์ชี้ว่าบทเรียนจากเงินเฟ้อที่พุ่งสูงในช่วงปี 2021 ทำให้แนวทางนี้อาจไม่สอดคล้องกับบริบทเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน

 

พาวเวลล์ยังระบุว่า แม้อัตราเงินเฟ้อ PCE ในเดือนเมษายนจะลดลงเหลือ 2.2% แต่แรงกดดันจากนโยบายภาษีนำเข้าสหรัฐฯ อาจผลักดันให้ราคาสินค้าปรับสูงขึ้นอีกในระยะถัดไป

 

“Soft Landing” ที่ไม่ควรมองข้าม

 

หนึ่งในประเด็นสำคัญคือ เฟดสามารถนำพาเศรษฐกิจลงจอดอย่างนุ่มนวล (soft landing) ได้จริง หลังเงินเฟ้อปรับตัวลดลงโดยไม่กระทบต่อการจ้างงานในภาพรวมมากนัก โดยอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับที่เฟดถือว่าใกล้เคียงกับการจ้างงานเต็มศักยภาพ

 

อย่างไรก็ดี บรรดาผู้กำหนดนโยบายเริ่มหารือถึงการเปลี่ยนแปลงเอกสารยุทธศาสตร์หลัก ซึ่งกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% และแนวทางบรรลุเป้าหมายดังกล่าวควบคู่ไปกับการรักษาการจ้างงานในระดับสูงสุด

 

โลกาภิวัตน์ถดถอย ห่วงโซ่อุปทานเปลี่ยนทิศ

 

พาวเวลล์ยังสะท้อนความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มโลกาภิวัตน์ที่เริ่มถอยหลัง เมื่อบริษัทต่าง ๆ พยายามปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทั้งจากบทเรียนในช่วงโควิด-19 และผลจากสงครามการค้าระลอกใหม่ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจลดพลังการกดเงินเฟ้อของระบบการค้าเสรีในอดีต

 

สัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่ต้องจับตา

 

เฟดส่งสัญญาณว่าการปรับกรอบยุทธศาสตร์อาจมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยจะต้องสอดคล้องกับความเป็นจริงทางเศรษฐกิจที่หลากหลายและไม่แน่นอน อีกทั้งต้องยืดหยุ่นเพียงพอเพื่อรับมือกับความผันผวนที่จะเกิดขึ้น

 

“เราจะทำให้ถ้อยคำในเอกสารใหม่มีความยืดหยุ่นต่อสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง” พาวเวลล์กล่าว พร้อมระบุว่าบทเรียนจากการ “ปล่อยให้เงินเฟ้อเกินเป้าหมายเล็กน้อย” กลายเป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้ในโลกปัจจุบัน

 

การประชุมเชิงยุทธศาสตร์ในครั้งนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนทิศของเฟดอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อแนวโน้มดอกเบี้ย การลงทุน และการประเมินมูลค่าทางการเงินในระดับโลก

 

ข่าวล่าสุด

พรรคประชากรไทย ชู 4 เสาหลักพลิกฟื้นประเทศ ส่งชิงเก้าอี้ สส.261 คน สู้ศึกเลือกตั้ง‘69