เฟดเตรียมปรับยุทธศาสตร์การเงิน ชี้กลยุทธ์เดิมเริ่มไม่ได้ผล
เฟดส่งสัญญาณทบทวนกลยุทธ์นโยบายการเงินใหม่ เตรียมรับมือภาวะช็อกด้านอุปทานที่ถี่ขึ้น ชี้ยุทธศาสตร์เดิมไม่ตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงยุคใหม่
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เปิดเผยว่า เฟดกำลังพิจารณาทบทวนกรอบยุทธศาสตร์ด้านนโยบายการเงินครั้งสำคัญ โดยเฉพาะประเด็นการจ้างงานและเงินเฟ้อ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการระบาดของโควิด-19 และความเสี่ยงจากภาวะช็อกด้านอุปทานที่อาจเกิดขึ้นบ่อยและยืดเยื้อมากขึ้นในอนาคต
“เราอาจกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของภาวะช็อกด้านอุปทานที่เกิดบ่อยและอาจคงอยู่ได้นาน ซึ่งเป็นความท้าทายสำหรับทั้งเศรษฐกิจและธนาคารกลาง” พาวเวลล์กล่าวในการประชุมเชิงนโยบายสองวันของเฟด
ยุทธศาสตร์เดิมอาจไม่ตอบโจทย์ยุคใหม่
กรอบยุทธศาสตร์ปัจจุบันของเฟดซึ่งเริ่มใช้ในปี 2020 มุ่งเน้นการปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นได้ชั่วคราว เพื่อชดเชยช่วงเวลาที่เงินเฟ้อต่ำในอดีต และเปิดช่องให้อัตราการว่างงานลดต่ำลงกว่าระดับปกติ โดยไม่ถือเป็นความเสี่ยง แต่พาวเวลล์ชี้ว่าบทเรียนจากเงินเฟ้อที่พุ่งสูงในช่วงปี 2021 ทำให้แนวทางนี้อาจไม่สอดคล้องกับบริบทเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน
พาวเวลล์ยังระบุว่า แม้อัตราเงินเฟ้อ PCE ในเดือนเมษายนจะลดลงเหลือ 2.2% แต่แรงกดดันจากนโยบายภาษีนำเข้าสหรัฐฯ อาจผลักดันให้ราคาสินค้าปรับสูงขึ้นอีกในระยะถัดไป
“Soft Landing” ที่ไม่ควรมองข้าม
หนึ่งในประเด็นสำคัญคือ เฟดสามารถนำพาเศรษฐกิจลงจอดอย่างนุ่มนวล (soft landing) ได้จริง หลังเงินเฟ้อปรับตัวลดลงโดยไม่กระทบต่อการจ้างงานในภาพรวมมากนัก โดยอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับที่เฟดถือว่าใกล้เคียงกับการจ้างงานเต็มศักยภาพ
อย่างไรก็ดี บรรดาผู้กำหนดนโยบายเริ่มหารือถึงการเปลี่ยนแปลงเอกสารยุทธศาสตร์หลัก ซึ่งกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% และแนวทางบรรลุเป้าหมายดังกล่าวควบคู่ไปกับการรักษาการจ้างงานในระดับสูงสุด
โลกาภิวัตน์ถดถอย ห่วงโซ่อุปทานเปลี่ยนทิศ
พาวเวลล์ยังสะท้อนความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มโลกาภิวัตน์ที่เริ่มถอยหลัง เมื่อบริษัทต่าง ๆ พยายามปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทั้งจากบทเรียนในช่วงโควิด-19 และผลจากสงครามการค้าระลอกใหม่ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจลดพลังการกดเงินเฟ้อของระบบการค้าเสรีในอดีต
สัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่ต้องจับตา
เฟดส่งสัญญาณว่าการปรับกรอบยุทธศาสตร์อาจมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยจะต้องสอดคล้องกับความเป็นจริงทางเศรษฐกิจที่หลากหลายและไม่แน่นอน อีกทั้งต้องยืดหยุ่นเพียงพอเพื่อรับมือกับความผันผวนที่จะเกิดขึ้น
“เราจะทำให้ถ้อยคำในเอกสารใหม่มีความยืดหยุ่นต่อสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง” พาวเวลล์กล่าว พร้อมระบุว่าบทเรียนจากการ “ปล่อยให้เงินเฟ้อเกินเป้าหมายเล็กน้อย” กลายเป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้ในโลกปัจจุบัน
การประชุมเชิงยุทธศาสตร์ในครั้งนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนทิศของเฟดอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อแนวโน้มดอกเบี้ย การลงทุน และการประเมินมูลค่าทางการเงินในระดับโลก


