จับตาทรัมป์เยือนตะวันออกกลาง คาดเจรจาข้อตกลงเศรษฐกิจ
ทั่วโลกจับตา ทรัมป์ เยือนตะวันออกกลางครั้งแรก หลังรับตำแหน่งสมัย 2 คาดมุ่งเจรจาด้านทางเศรษฐกิจ รวมมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ ท่ามกลางความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดเดินทางถึงกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในช่วงเช้าวันอังคาร เพื่อเริ่มต้นการเยือนภูมิภาคอ่าวอาหรับเป็นระยะเวลา 4 วัน โดยการเยือนครั้งนี้ให้ความสำคัญกับข้อตกลงทางเศรษฐกิจเป็นหลัก มากกว่าประเด็นความมั่นคงในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นสงครามในฉนวนกาซา หรือความเสี่ยงของการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านจากโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน
ทรัมป์เดินทางพร้อมกับคณะนักธุรกิจระดับโลก อาทิ อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา และที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยจุดหมายแรกคือกรุงริยาด ซึ่งกำลังเป็นเจ้าภาพการจัด “ฟอรัมการลงทุนซาอุดี–สหรัฐฯ” ก่อนจะเดินทางต่อไปยังประเทศกาตาร์ในวันพุธ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในวันพฤหัสบดี
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเปิดเผยว่า อาจเดินทางเยือนตุรกีในวันพฤหัสบดี เพื่อเข้าร่วมเจรจาระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน
การเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองของทรัมป์ในสมัยดำรงตำแหน่งปัจจุบัน (ครั้งแรกคือพิธีศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ณ กรุงโรม) เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ผลักดันแนวทางช่วยเหลือฉนวนกาซา พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ยอมรับข้อตกลงหยุดยิงใหม่
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ และอิหร่านได้เปิดการเจรจาที่ประเทศโอมาน เพื่อหาข้อสรุปในการจำกัดโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ขณะที่ทรัมป์เตือนว่าหากการทูตล้มเหลว อาจใช้มาตรการทางทหาร
อย่างไรก็ตาม การเยือนครั้งนี้เน้นด้านเศรษฐกิจ โดยมีแนวโน้มว่าประเทศในกลุ่มอ่าวอาหรับ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะประกาศโครงการลงทุนรวมมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ โดยซาอุดีอาระเบียได้ประกาศล่วงหน้าเมื่อเดือนมกราคมว่า จะลงทุนในสหรัฐฯ ถึง 600,000 ล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 4 ปี และทรัมป์มีเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์
นอกเหนือจากมัสก์ ยังมีผู้นำจากภาคธุรกิจร่วมคณะเดินทาง อาทิ แลร์รี ฟิงค์ ซีอีโอของแบล็คร็อก และเจน เฟรเซอร์ ซีอีโอของซิตี้กรุ๊ป รวมถึงมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ และพีต เฮกเซ็ธ รัฐมนตรีกลาโหม
ในระหว่างการเยือนกรุงริยาด ทรัมป์คาดว่าจะเสนอแพ็คเกจอาวุธให้ซาอุดีอาระเบีย มูลค่าเกินกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงเครื่องบินลำเลียง C-130 และอาวุธทันสมัยหลากหลายชนิด
แม้การสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิสราเอลจะเป็นเป้าหมายระยะยาวของทรัมป์ แต่แหล่งข่าวระบุว่า ทั้งสองฝ่ายจะหลีกเลี่ยงการหารือเรื่องนี้ในทริปครั้งนี้ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูยังคงคัดค้านการยุติสงครามอย่างถาวรในกาซา และการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์
ผู้แทนพิเศษของทรัมป์ในตะวันออกกลาง นายสตีฟ วิทคอฟ กล่าวว่า มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญในการขยายขอบเขตของ “ข้อตกลงอับราฮัม” ซึ่งเป็นชุดความตกลงที่ทรัมป์ผลักดันในวาระแรก ทำให้อาหรับบางประเทศ ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน ซูดาน และโมร็อกโก ยอมรับอิสราเอลอย่างเป็นทางการ
การเยือนกาตาร์และยูเออีของทรัมป์จะเน้นด้านเศรษฐกิจเป็นหลักเช่นกัน โดยมีรายงานว่าราชวงศ์กาตาร์จะมอบเครื่องบินโบอิ้ง 747-8 สุดหรู ให้ทรัมป์ ซึ่งมีแผนจะมอบให้หอสมุดประธานาธิบดีหลังหมดวาระ แม้ประเด็นนี้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมก็ตาม


