ผู้นำอินเดียเตือนปากีสถาน จะตอบโต้อย่างเด็ดขาดหากเกิดเหตุอีก
นายกอินเดียออกแถลงการณ์เตือนปากีสถานครั้งแรก ประกาศจะตอบโต้อย่างแม่นยำและรุนแรง หากเกิดเหตุร้ายขึ้นในอินเดียอีก ลั่นไม่กลัวนิวเคลียร์
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ออกมาเตือนอย่างชัดเจนต่อปากีสถานว่า หากมีเหตุการณ์ก่อการร้ายเกิดขึ้นในอินเดียอีกครั้ง อินเดียจะโจมตี “แหล่งซ่อนตัวของผู้ก่อการร้าย” ข้ามพรมแดนอย่างเฉียบพลัน โดยจะไม่เกรงกลัวต่อ “การข่มขู่ด้วยอาวุธนิวเคลียร์” ของอิสลามาบัด
คำกล่าวดังกล่าวเป็นการออกแถลงการณ์ต่อสาธารณะครั้งแรกของโมดี นับตั้งแต่ที่กองทัพอินเดียได้ทำการโจมตีเป้าหมายที่ระบุว่าเป็น “ค่ายผู้ก่อการร้าย” ในฝั่งปากีสถานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการแสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวยิ่งขึ้นในความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านที่เย็นชามานาน
เบื้องหลังของความขัดแย้ง
เหตุการณ์เริ่มต้นจากการโจมตีที่คร่าชีวิตนักท่องเที่ยวชาวฮินดู 26 คนในแคชเมียร์ของอินเดียเมื่อเดือนเมษายน อินเดียจึงตอบโต้ด้วยปฏิบัติการทางทหารเข้าโจมตีเป้าหมาย 9 แห่งในฝั่งปากีสถานและแคชเมียร์ฝั่งปากีสถาน
ปากีสถานปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้มีการสอบสวนโดยบุคคลที่เป็นกลาง และยังกล่าวหาว่าเป้าหมายที่อินเดียโจมตีเป็นพื้นที่พลเรือน ไม่ใช่ค่ายก่อการร้าย
คำเตือนของโมดี
“หากมีเหตุการณ์ก่อการร้ายเกิดขึ้นอีก อินเดียจะตอบโต้ตามเงื่อนไขของเราเอง” โมดีกล่าวในแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์ “อินเดียจะโจมตีเป้าหมายผู้ก่อการร้ายด้วยความแม่นยำและเด็ดขาด แม้จะอยู่ใต้ร่มเงาของภัยคุกคามนิวเคลียร์ก็ตาม”
เขายังย้ำเงื่อนไขของอินเดียต่อการกลับมาเจรจากับปากีสถานว่า:
• “การก่อการร้ายกับการเจรจาไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้”
• “การก่อการร้ายกับการค้าไม่สามารถดำเนินไปพร้อมกันได้”
• “เลือดและน้ำไม่ควรไหลไปด้วยกัน” (หมายถึงข้อตกลงแบ่งปันน้ำระหว่างสองประเทศที่อินเดียได้ระงับไว้)
การเจรจาทางทหารและบทบาทของสหรัฐฯ
หลังจากความขัดแย้งปะทุขึ้นถึงจุดสูงสุดเมื่อวันเสาร์ ซึ่งมีการโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนหลายรอบจากทั้งสองฝ่าย และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ทั้งอินเดียและปากีสถานได้ตกลงหยุดยิงโดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นตัวกลางประสานงาน
ผู้นำกองทัพของทั้งสองประเทศได้สนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวันจันทร์ โดยตกลงที่จะไม่ยิงหรือดำเนินการก้าวร้าวใด ๆ ต่อกัน และพิจารณาการลดจำนวนทหารบริเวณชายแดน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ “มีส่วนช่วยอย่างมาก” ในการเจรจาหยุดยิง และระบุว่า “การค้า” เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทั้งสองประเทศยุติความรุนแรง พร้อมเผยว่า สหรัฐฯ กำลังเจรจาข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับทั้งอินเดียและปากีสถาน
อย่างไรก็ตาม อินเดียยังไม่ให้ความเห็นใด ๆ ต่อบทบาทของสหรัฐฯ ในการไกล่เกลี่ย เนื่องจากยืนกรานไม่ต้องการให้ประเทศที่สามเข้ามาแทรกแซงข้อพิพาทกับปากีสถาน


