จีน-สหรัฐ เตรียมเจรจาการค้าต่อเป็นวันที่ 2 หลังไม่มีความคืบหน้า
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ และจีน เตรียมกลับมาเจรจาผ่อนคลายสงครามการค้าอีกครั้งในวันอาทิตย์ หลังยังไม่มีรายงานความคืบหน้า
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เสร็จสิ้นการหารือในวันแรกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีเป้าหมายเพื่อหาทางลดความตึงเครียดในข้อพิพาททางการค้าที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลก โดยมีแผนจะดำเนินการเจรจาต่อเนื่องในวันอาทิตย์
นายเหอ ลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้พบหารือเป็นระยะเวลาประมาณ 8 ชั่วโมงกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ นายสก็อตต์ เบสเซนต์ และ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ นายเจมีสัน เกรียร์ ณ กรุงเจนีวา ซึ่งนับเป็นการพบปะโดยตรงครั้งแรกระหว่างสองฝ่าย นับตั้งแต่ทั้งสองประเทศต่างประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของกันและกันในอัตราที่สูงกว่า 100%
แม้ว่าการประชุมในครั้งนี้จะเสร็จสิ้นลงเมื่อเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยไม่มีถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเนื้อหาการหารือหรือความคืบหน้าในการลดอัตราภาษีศุลกากร แต่การที่ทั้งสองฝ่ายยินยอมกลับมาเจรจาถือเป็นพัฒนาการที่น่าสนใจ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดจากการปะทุของสงครามการค้า
สถานที่จัดการหารือถูกเก็บเป็นความลับ
สถานที่การเจรจาในนครเจนีวาไม่ได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณชน แต่ผู้สื่อข่าวพบว่า การประชุมมีขึ้นในบริเวณวิลล่าส่วนตัวของเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ประจำสหประชาชาติ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตโคโลนี ใกล้ทะเลสาบเจนีวา
จุดยืนและข้อเรียกร้องของแต่ละฝ่าย
รัฐบาลวอชิงตันมีเป้าหมายลดดุลการค้าขาดดุลต่อจีนซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 295,000 ล้านดอลลาร์ และต้องการให้จีนปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจที่เน้นการส่งออก พร้อมทั้งมีบทบาทในการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น ในทางกลับกัน ปักกิ่งต้องการให้สหรัฐฯ ยกเลิกการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม ชี้แจงแนวทางการนำเข้าสินค้าจากจีน และแสดงความเคารพซึ่งกันและกันในฐานะมหาอำนาจคู่ขนาน
สำนักข่าวซินหัว ของทางการจีนเผยแพร่บทความแสดงความเห็นว่า การใช้ภาษีของสหรัฐฯ อย่าง “ไร้ความยั้งคิด” ได้ส่งผลกระทบต่อระเบียบเศรษฐกิจโลกอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ทางการจีนยังถือว่าการเจรจาในครั้งนี้เป็น “ก้าวที่จำเป็นและสร้างสรรค์ในการป้องกันความขัดแย้งที่รุนแรงยิ่งขึ้น”
แนวโน้มและความคาดหวัง
แม้บรรยากาศโดยรวมยังเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าหากทั้งสองฝ่ายสามารถกำหนด “แผนปฏิบัติการร่วม” และดำเนินการหารือต่อเนื่องได้ ก็อาจช่วยบรรเทาความกังวลของตลาดโลกได้บ้าง
ประธานาธิบดีทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันศุกร์ว่า อัตราภาษี 80% ต่อสินค้าจีนอาจเป็นระดับที่เหมาะสม และยังกล่าวอีกว่าการหารือครั้งนี้เป็นผลจากข้อเสนอของจีน ซึ่งขัดแย้งกับคำกล่าวของรัฐบาลปักกิ่งที่ระบุว่าสหรัฐฯ เป็นฝ่ายร้องขอการเจรจา
ฝ่ายจีนมีความเป็นไปได้ที่จะยื่นขอผ่อนผันภาษีเป็นระยะเวลา 90 วัน เช่นเดียวกับที่สหรัฐฯ เคยผ่อนผันให้กับประเทศอื่น ซึ่งหากบรรลุข้อตกลงใดๆ เกี่ยวกับการลดภาษี จะถือเป็นสัญญาณบวกในสายตานักลงทุน
นายกี ปาร์เมแลง รัฐมนตรีเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่าการที่การเจรจานี้เกิดขึ้นได้ก็ถือเป็น “ความสำเร็จเบื้องต้น” แล้ว พร้อมระบุว่าการพูดคุยอาจขยายเวลาไปถึงวันจันทร์
องค์การการค้าโลก (WTO) เปิดเผยด้วยว่า นายเหอมีแผนจะพบกับผู้อำนวยการใหญ่องค์การฯ นางเอ็นโกซี โอกอนโย-อิเวอาลา ซึ่งออกแถลงการณ์สนับสนุนการเจรจาครั้งนี้ว่าเป็น “ก้าวเชิงบวกและสร้างสรรค์เพื่อคลี่คลายความขัดแย้ง”
ตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อต้นปี ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กำหนดอัตราภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนที่ 145% โดยอ้างถึงพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม และการที่จีนไม่สามารถควบคุมการส่งออกสารตั้งต้นสำหรับยาเฟนทานิล ซึ่งเป็นสารเสพติดร้ายแรง
จีนจึงตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 125% และยืนยันจะไม่ยอมจำนนต่อ “จักรวรรดินิยม” และ “การกลั่นแกล้ง”