posttoday

วอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังนั่งประธาน ล้างมือจากเบิร์กเชียร์อย่างไร

06 พฤษภาคม 2568

แม้จะแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ของเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ แต่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังคงดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริษัท ต่อไป แถมยังประกาศไม่ขายหุ้นแม้เพียงหุ้นเดียว

ถึงจะประกาศก้าวลงจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ แต่ตำนานนักลงทุนอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ จะยังคงดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริษัท ต่อไป หลังคณะกรรมการมีมติแต่งตั้ง เกร็ก อาเบล (Greg Abel) เป็น CEO คนใหม่ โดยจะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม 2026

 

นักลงทุนช็อก ตลาดสะเทือน หุ้นร่วงทันที 5%

 

ข่าวการส่งไม้ต่อแม้จะถูกคาดหมายมาหลายปี แต่การประกาศอย่างเป็นทางการในงานประชุมผู้ถือหุ้นที่โอมาฮา สหรัฐฯ ก็สร้างแรงสะเทือนพอสมควร โดยราคาหุ้นของเบิร์กเชียร์ร่วงลงทันทีถึง 5% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 59,000 ล้านดอลลาร์ เหลือมูลค่าตลาดที่ประมาณ 1.11 ล้านล้านดอลลาร์

 

วิเคราะห์โดยนักวิเคราะห์ของ Morningstar มองว่าการประกาศของบัฟเฟตต์ครั้งนี้แม้จะมีการเตรียมผู้สืบทอดไว้ล่วงหน้า แต่เวลาที่เลือกเปิดเผยกลับสร้าง “เซอร์ไพรส์” แก่ตลาดและคณะกรรมการเอง เพราะมีเพียงลูกๆ ของบัฟเฟตต์ที่ได้รับแจ้งล่วงหน้า

 

เบิร์กเชียร์ในยุคใหม่: ความหวังกับผู้นำคนถัดไป

 

เกร็ก อาเบล วัย 62 ปี ผู้เติบโตจากเอดมันตัน ประเทศแคนาดา และชื่นชอบกีฬาฮอกกี้ เป็นผู้ดูแลธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับประกันของเบิร์กเชียร์มาตั้งแต่ปี 2018 และในช่วงปีที่ผ่านมาได้เริ่มมีบทบาทด้านการจัดสรรเงินทุนแทนบัฟเฟตต์แล้วบางส่วน

 

ในด้านของกลุ่มธุรกิจประกันอย่าง GEICO และ General Re จะยังคงรายงานต่อรองประธานอีกคนคือ อาจิต เจน (Ajit Jain)

เกร็ก อาเบล (Greg Abel) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์

 

บัฟเฟตต์ยังไม่ทิ้งเรือ: ไม่ขายหุ้นแม้แต่หุ้นเดียว

 

แม้จะไม่ได้เป็น CEO อีกต่อไป แต่บัฟเฟตต์ยังยืนยันว่ายังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท และ “ไม่มีแผนจะขายหุ้นเบิร์กเชียร์แม้แต่หุ้นเดียว” พร้อมกล่าวว่า “ผมเชื่อว่าอนาคตของเบิร์กเชียร์ภายใต้การนำของเกร็กจะดีกว่าสมัยที่ผมบริหารด้วยซ้ำ”

 

การยืนยันครั้งนี้ทำให้ที่ประชุมลุกขึ้นยืนปรบมือให้นานถึงสองนาที โดยทรัพย์สินทั้งหมดของบัฟเฟตต์หลังจากเสียชีวิต จะถูกส่งต่อให้บุตรทั้งสาม โดยพวกเขาต้องตัดสินใจร่วมกันในการบริจาคเพื่อการกุศล

 

มรดกเบิร์กเชียร์: จากโรงทอผ้าสู่บริษัทระดับโลก

 

ตั้งแต่ปี 1965 บัฟเฟตต์ได้เปลี่ยนเบิร์กเชียร์จากโรงงานทอผ้าให้กลายเป็น อาณาจักรการลงทุนระดับโลก ที่มีบริษัทในเครือกว่า 189 แห่ง เช่น Geico, BNSF, Dairy Queen และการถือหุ้นใหญ่ในบริษัทชั้นนำอย่าง Apple

 

ผลงานของเขาทำให้ราคาหุ้นเบิร์กเชียร์เติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงกว่า S&P 500 เกือบเท่าตัว สร้างชื่อเสียงให้บัฟเฟตต์ในฐานะ “Oracle of Omaha” และกลายเป็นไอดอลของนักลงทุนทั่วโลก

วอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังนั่งประธาน ล้างมือจากเบิร์กเชียร์อย่างไร

ข่าวล่าสุด

บางกอกแอร์เวย์ส (BA) คว้าหุ้นยั่งยืน “ระดับ A” จาก SET ESG Ratings