S&P 500, Dow กลับมาสูงขึ้นแม้ถูกเทขาย แต่ราคาน้ำมันดิบยังร่วง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นในช่วงท้าย และราคาน้ำมันแตะระดับต่ำสุดของเดือนในรอบ 3-1/2 ปี จากข่าวการหดตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2022
ดัชนีหุ้นหลักทั้งสามแห่งของสหรัฐฯ ฟื้นจากการเทขายอย่างหนักในช่วงเช้าของวัน โดยดัชนี S&P 500 และ Dow กลับเป็นบวกก่อนระฆังปิดเพียงไม่กี่นาที
Nasdaq ที่เน้นเทคโนโลยีปิดลดลงเล็กน้อย
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐฯ หดตัวในไตรมาสแรก สาเหตุหลักมาจากการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีที่จะจัดเก็บ
แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวโทษโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต และกล่าวว่าการเก็บภาษีศุลกากรของเขาจะนำพาเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูในที่สุด
สงครามการค้าหลายฝ่ายที่กำลังดำเนินอยู่ยังคงส่งผลกระทบต่อการประกาศตัวเลขรายได้ของบริษัทในสหรัฐฯ โดยบริษัทต่างๆ ชะลอการประกาศหรือลดการคาดการณ์มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านภาษี
ในกลุ่ม "Magnificent Seven" ของบริษัท megacap ที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ Meta Platforms และ Microsoft คาดว่าจะประกาศผลลัพธ์หลังระฆังปิดการซื้อขาย
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ฝเพิ่มขึ้น 141.74 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 40,669.36 จุด
ส่วนดัชนี S&P 500 (.SPX) เพิ่มขึ้น 8.23 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 5,569.06 จุด
และดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ลดลง 14.98 จุด หรือ 0.09% เป็น 17,446.34 จุด
ราคาน้ำมันดิ่งลงอีก โดยเป็นการดิ่งลงรายเดือนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 3-1/2 ปี เนื่องจากสงครามการค้าของทรัมป์กัดกร่อนแนวโน้มอุปสงค์
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.66% สู่ระดับ 58.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่เบรนต์อยู่ที่ 63.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 1.76%
ราคาทองคำลดลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์
ราคาทองสปอตร่วงลง 0.65% สู่ระดับ 3,294.59 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐฯ ลดลง 0.72% สู่ระดับ 3,295.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์


