สตาร์เมอร์ประณาม 'อันธพาลขวาจัด' หลังเกิดความไม่สงบลุกลามทั่วอังกฤษ

การประท้วงรุนแรงปะทุขึ้นในเมืองต่างๆ ทั่วอังกฤษ หลังจากเด็กหญิง 3 คนถูกมีดทำร้ายในชั้นเรียนเต้นรำสำหรับเด็กในเมืองเซาท์พอร์ต ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

 

การฆาตกรรมดังกล่าวจุดกระแสกลุ่มต่อต้านผู้อพยพและต่อต้านมุสลิม เนื่องจากข้อมูลเท็จเผยแพร่ไปทั่วว่าผู้ต้องสงสัยเป็นผู้อพยพและเป็นกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง แม้ตำรวจจะออกมาระบุว่าผู้ต้องสงสัยเกิดในอังกฤษ และไม่ได้เป็นเหตุการณ์ก่อการร้าย

 

การประท้วงได้แพร่กระจายไปตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงในเมืองลิเวอร์พูล บริสตอล และแมนเชสเตอร์ ตั้งแต่วันเสาร์ ส่งผลให้มีการจับกุมหลายสิบราย ในขณะที่ร้านค้าและธุรกิจต่างๆ ถูกทำลายและปล้นสะดม และเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนได้รับบาดเจ็บ

 

เมื่อวันอาทิตย์ ผู้ประท้วงต่อต้านคนเข้าเมืองหลายร้อยคนรวมตัวกันที่โรงแรมใกล้กับเมืองร็อตเธอร์แฮม ทางตอนเหนือของอังกฤษ ซึ่งรัฐมนตรีมหาดไทยของอังกฤษกล่าวว่าเป็นผู้ขอลี้ภัยที่พักอาศัย

 

ผู้ประท้วง ซึ่งหลายคนสวมหน้ากากหรือหมวกไหมพรม ขว้างอิฐใส่ตำรวจ และพังหน้าต่างโรงแรมหลายแห่ง ก่อนที่จะจุดไฟเผาถังขยะขนาดใหญ่ใกล้กับโรงแรม

 

“ผมขอประณามกลุ่มอันธพาลขวาจัดที่เราพบเห็นในสุดสัปดาห์นี้” สตาร์เมอร์ ระบุในถ้อยแถลง โดยเสริมว่า มันเป็นความรุนแรงทางอาญา และไม่ใช่การประท้วงที่ชอบด้วยกฎหมาย

 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ตั้งแต่ช่วงเย็นวันเสาร์ มีผู้ถูกจับกุมแล้ว 147 ราย และจะมีการจับกุมเพิ่มเติมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

 

สตาร์เมอร์ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนก่อนหลังพรรคแรงงานของเขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างเด็ดขาดเหนือพรรคอนุรักษ์นิยมที่ปกครองมายาวนาน กล่าวว่า ประชาชนต่าง “หวาดกลัวอย่างยิ่ง” จาก “แก๊งปล้นสะดม” ในเมืองร็อตเธอร์แฮม

 

กระทรวงมหาดไทยระบุว่ามัสยิดจะได้รับการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมภายใต้ข้อตกลงใหม่ ภายหลังจากถูกคุกคาม ซึ่งรวมถึงในมิดเดิลสโบรห์ด้วย

นอกจากนี้ ประชาชนยังได้รับคำเตือนให้หลีกเลี่ยงพื้นที่รอบๆ โรงแรมในแทมเวิร์ธ ทางตอนกลางของอังกฤษ โดยตำรวจท้องที่กล่าวว่า "มีคนกลุ่มใหญ่อยู่ในพื้นที่และได้ขว้างอาวุธ ทุบหน้าต่าง ก่อไฟ และมุ่งเป้าไปที่ตำรวจ" 

 

ครั้งล่าสุดที่การประท้วงรุนแรงปะทุทั่วสหราชอาณาจักรคือในปี 2554 ซึ่งผู้คนหลายพันคนออกมาเดินขบวนบนท้องถนนหลังจากตำรวจยิงชายผิวดำคนหนึ่งเสียชีวิตในลอนดอน สตาร์เมอร์เป็นหัวหน้าอัยการของประเทศในขณะนั้น