ตลาดหุ้นสหรัฐปิดแบบผสม จากความไม่ชัดเจนเรื่องการลดดอกเบี้ยของเฟด

ธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดว่าจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยได้เร็วที่สุดในเดือนมิถุนายน แต่ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งได้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรกระทรวงการคลังในสัปดาห์นี้แตะระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน เนื่องจากนักลงทุนหลายคนในตลาดตั้งคำถามกับกำหนดเวลาลดดอกเบี้ยของเฟดดังกล่าว

เจอโรม พาวเวลล์ ผู้ว่าการเฟดกล่าวว่าผู้กำหนดนโยบายส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะเหมาะสม "ในบางจุดของปีนี้" แต่หลังจากที่พวกเขา "มีความมั่นใจมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังเคลื่อนตัวลงอย่างยั่งยืน" ไปยังเป้าหมาย 2%

หุ้นในช่วงแรกร่วงลงหลังจากรายงานการจ้างงานแห่งชาติของ ADP ระบุว่าการจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 184,000 ตำแหน่งในเดือนมีนาคม ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจแข็งแกร่ง รายงานยังแสดงให้เห็นว่าค่าจ้างเฉลี่ยสำหรับคนงานเปลี่ยนงานเพิ่มขึ้น 10% ต่อปี หลังจากเพิ่มขึ้น 7.6% ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่ออัตราเงินเฟ้อ

แต่การสำรวจของสถาบันเพื่อการจัดการอุปทาน (ISM) สำหรับอุตสาหกรรมบริการของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าการวัดราคาที่ธุรกิจต่างๆ จ่ายสำหรับปัจจัยการผลิตลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสี่ปี ซึ่งเป็นสัญญาณอัตราเงินเฟ้อที่ดี

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ลดลง 43.1 จุดหรือ 0.11% สู่ 39,127.14 จุด ส่วน S&P 500 (.SPX) เพิ่มขึ้น 5.68 จุดหรือ 0.11% สู่ 5,211.49 จุด และดัชนี Nasdaq Composite ( .IXIC) เพิ่ม 37.01 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 16,277.46 จุด

ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากนักลงทุนกังวลถึงความเสี่ยงด้านอุปทานอันเนื่องมาจากการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียโดยยูเครน และความเป็นไปได้ที่จะบานปลายในความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ในขณะที่รัฐมนตรีของ OPEC+ ยังคงรักษานโยบายการผลิตไว้อย่างมั่นคง

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปิดเพิ่มขึ้น 28 เซนต์ ปิดที่ 85.43 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ ปิดที่ 89.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาทองคำพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐฯ สูงขึ้น 1.5% ที่ 2,315 ดอลลาร์ต่อออนซ์

Bitcoin เพิ่มขึ้น 0.21% สู่ระดับ 65,801.00 ดอลลาร์