อ่วม! เบี้ยประกันภัยสินค้าในทะเลแดงเพิ่มขึ้น หลังเหตุการณ์เสี่ยงรุนแรง

กลุ่มฮูตี ซึ่งมีอาวุธร้ายแรงครบครันและได้รับการฝึกมาอย่างดี ได้ทำการโจมตีเรือในทะเลแดงหลายครั้งตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ประกาศเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า พวกเขาจะขยายเป้าหมายการโจมตีให้รวมเรือของสหรัฐฯ ด้วย 

แม้กระทั่งก่อนการโจมตีของกลุ่มฮูตี  ตลาดประกันภัยในลอนดอนระบุว่าทะเลแดงตอนใต้เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง และเรือต่างๆ จำเป็นต้องแจ้งให้บริษัทประกันของตนทราบเมื่อแล่นผ่านพื้นที่ดังกล่าว และต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติม สำหรับระยะเวลาคุ้มครอง 7 วัน

แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมประกันภัยกล่าวว่าเบี้ยประกันภัยสำหรับความเสี่ยงสงครามเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1% ของมูลค่าเรือ จากประมาณ 0.7% ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเสริมว่าอัตราดังกล่าวคาดว่าจะสูงขึ้นอีก ซึ่งคิดเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหลายแสนดอลลาร์สำหรับการเดินทางเจ็ดวัน

เงื่อนไขที่เสนอสำหรับระยะเวลาคุ้มครองความเสี่ยงสงครามขณะนี้สั้นลงอย่างเห็นได้ชัด "โดยมีเวลา 24 ชั่วโมงเป็นบรรทัดฐาน" Munro Anderson หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการที่เสี่ยงต่อสงครามทางทะเลและผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัย Vessel Protect ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Pen Underwriting ระบุ

“ตั้งแต่มีการโจมตีทางเรือและทางอากาศในเยเมน ในปัจจุบันมีการพิจารณาอย่างกว้างๆ ว่า นอกเหนือจากเรือที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอลแล้ว ยังมีภัยคุกคามต่อเรือที่เกี่ยวข้องกับสหราชอาณาจักร สหรัฐฯ ในระดับที่สูงขึ้น เช่นเดียวกับเรือที่เกี่ยวข้องกับออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ บาห์เรน และแคนาดา" เขากล่าวเสริมโดยอ้างถึงกลุ่มพันธมิตรกองทัพเรือที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งพยายามปกป้องการขนส่งเชิงพาณิชย์

บริษัท Eagle Bulk Shipping ซึ่งมีฐานอยู่ในสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันจันทร์ว่า เรือลำหนึ่งของบริษัทถูกโจมตีด้วย "กระสุนปืนไม่ทราบชื่อ" ขณะแล่นออกไปนอกอ่าวเอเดน 160 กม.

“การโจมตีของกลุ่มฮูตีครอบคลุมเรือทุกลำที่มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนน้อยลงเรื่อยๆ” แหล่งข่าวประกันกล่าว "ขณะนี้ขอแนะนำว่าธงชาติสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรไม่ควรผ่านทะเลแดง"

กลุ่มติดอาวุธฮูตี ซึ่งควบคุมพื้นที่ที่มีประชากรมากที่สุดในเยเมนหลังจากทำสงครามเกือบหนึ่งทศวรรษกับแนวร่วมที่นำโดยซาอุดิอาระเบียที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตกและซาอุดิอาระเบีย ได้กลายเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งของกลุ่มฮามาสในการทำสงครามกับอิสราเอลในช่วงหลัง

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เรือพาณิชย์ได้หยุดการเดินทางผ่านทะเลแดง และมีการหยุดการเดินทางระยะไกลผ่านแหลมทางตอนใต้ของแอฟริกามากขึ้น

“ด้วยความตึงเครียดในทะเลแดงที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนการขนส่งสินค้าทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น และภาระจะตกสู่ผู้บริโภคปลายทางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” นิโคล ฮัดสัน ผู้อำนวยการแพลตฟอร์มห่วงโซ่อุปทาน e2open กล่าว

แหล่งขนส่งกล่าวว่า จากอัตราเบี้ยประกันที่สูงขึ้น เมื่อบวกกับค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นสำหรับการใช้คลองสุเอซ หมายความว่าการใช้เส้นทางผ่านแอฟริกาที่ยาวกว่านั้นกลับมีราคาถูกลง ซึ่งอาจหมายถึงความแน่นอนน้อยลงในเรื่องเวลาการส่งมอบสินค้าด้วย