posttoday

คลื่นความร้อนเพิ่มจำนวนลูกเต่าในเปรู คืนชีวิตกลับสู่ป่าอเมซอน

18 พฤศจิกายน 2566

แม้คลื่นความร้อนและภัยแล้งจะขยายวงกว้างในพื้นที่อเมซอนและเปรู แต่กลับส่งผลดีต่อจำนวนไข่เต่าที่ฟักได้ไวกว่าปกติ ทำให้ลูกเต่ากว่า 3,200 ตัวถูกปล่อยลงสู่แม่น้ำอเมซอน ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศ

โครงการสิ่งแวดล้อมเปรูปล่อยลูกเต่าแม่น้ำอเมซอนจุดเหลืองซึ่งเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ (ชื่อท้องถิ่น: ทาริคายา) กว่า 3,200 ตัวลงสู่แม่น้ำอเมซอน โดยหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ไข่เต่าฟักได้ไวกว่าปีที่ผ่านมา คือการเผชิญกับภัยแล้งและคลื่นความร้อน

ทางโครงการได้ขนส่งลูกเต่าด้วยตู้คอนเทนเนอร์จนถึงชายฝั่งแม่น้ำ จากนั้นเด็กๆในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการปล่อยลูกเต่าคืนสู่ธรรมชาติ

Zabryna Pipa Perea นักชีววิทยาจากโครงการสิ่งแวดล้อม เพื่อปกป้องสายพันธุ์พื้นเมืองของอเมซอน กล่าวว่า “ปีนี้เราเผชิญกับคลื่นความร้อนและภัยแล้งหนักมาก แต่หนึ่งในข้อดีคือช่วยให้ไข่เต่าฟักได้ไวกว่าปีก่อนๆ โดยปกติระยะฟักตัวของพวกมันจะอยู่ที่ 60 ถึง 72 วัน แต่ปีนี้ระยะฟักตัวลดเหลือประมาณ 45 วัน”

“เรากำลังคืนชีวิตให้กับผืนป่าอเมซอน ซึ่งปีนี้เราสามารถปล่อยลูกเต่าแม่น้ำอเมซอนจุดเหลืองได้ถึง 3,200 ตัว ขณะที่ยอดรวมทั้งหมดในโครงการเราได้ปล่อยลูกเต่าไปแล้วกว่า 23,000 ตัว ”

ตั้งแต่ต้นปี 2023 เปรูได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิของมหาสมุทรแปซิฟิกสูงขึ้น และทำให้เกิดฝนตกหนักบริเวณชายฝั่ง ขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดคลื่นความร้อนและภัยแล้งในพื้นที่อื่นๆ

นักวิทยาศาสตร์ลงความเห็นว่าการอนุรักษ์ป่าฝนอเมซอนมีความสำคัญต่อการลดวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change) เนื่องจากเป็นป่าที่มีพื้นที่กว้างใหญ่และมีความสามารถในการดูดซับก๊าซเรือนกระจกในปริมาณมาก

ทั้งนี้ เปรูเป็นประเทศที่มีเขตป่าฝนอเมซอนใหญ่เป็นอันดับสอง รองจากบราซิลแต่ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ป่าอเมซอนในเปรูถูกทำลายไปมากกว่า 19,700 ตารางกิโลเมตร

ข่าวล่าสุด

สูตรไลฟ์ขายของจาก “จูน-กษมา–เชน ธนา”ทำยังไงให้ขายได้ ไม่ใช่แค่มีคนดู