OpenAI หาทางประยุกต์ ChatGPT เข้ากับชั้นเรียน

Brad Lightcap ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ OpenAI กล่าวระหว่างการประชุมว่า บริษัทจะจัดตั้งทีมเพื่อหาความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อการศึกษา แม้ที่ผ่านมาจะเกิดกระแสว่า AI เป็นภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรม แต่บริษัทจะกระตุ้นให้เกิดร่างกฎหมายใหม่สำหรับการใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อการเรียนรู้

“ครูส่วนใหญ่กำลังหาวิธีประยุกต์ใช้ ChatGPT เข้ากับหลักสูตรและการเรียนการสอน ซึ่งเรากำลังหาแนวทางเพื่อช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยคาดว่าการจัดตั้งทีมจะเริ่มขึ้นช่วงปีหน้า ” Brad Lightcap กล่าว

Microsoft เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการให้ทุนสนับสนุน OpenAI ในการสร้างแชทบอทปัญญาประดิษฐ์ ChatGPT ซึ่งได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงพฤศจิกายนของปีที่แล้ว และกลายเป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยความสามารถในการสร้างเนื้อหาและตอบคำถามราวกับมนุษย์ นอกจากนี้ ChatGPT ยังเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ถูกใช้ในหลายอุตสาหกรรม จนหน่วยงานในสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ เกิดความกังวลและพยายามออกกฎหมายเพื่อควบคุมการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว

นอกจากนี้ ระยะเวลาเปิดตัวแชทบอทปัญญาประดิษฐ์ ChatGPT ยังคาบเกี่ยวช่วงกลางปีการศึกษา ทำให้ครูผู้สอนหลายคนเกิดความกังวลว่า นักเรียนจะใช้เทคโนโลยีนี้ในการโกงข้อสอบหรือช่วยทำการบ้าน ขณะที่ผู้สอนบางส่วนให้ความเห็นว่า การเกิดขึ้นของแชททบอท AI เป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในการเรียนการสอน

อย่างไรก็ตาม 2-3 เดือนให้หลัง ครูผู้สอนเริ่มมองเห็นว่าการใช้ ChatGPT ในห้องเรียนมีประโยชน์มากกว่าที่เคยคาดไว้  

ทีมใหม่ที่ OpenAI กำลังจะสร้างขึ้นจะต่อยอดจากงานที่บริษัทเคยทำมาแล้วเพื่อบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับห้องเรียน ซึ่งทางบริษัทมองว่า AI เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและทรงพลังซึ่งสามารถช่วยในด้านการเรียนรู้และการศึกษาได้ ตอนนี้เรากำลังพยายามติดต่อครูผู้สอนทั่วสหรัฐฯ เพื่อชี้ให้เห็นถึงความสามารถของ ChatGPT และวิธีการดำเนินงานของบริษัทที่มุ่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

OpenAI ได้ความร่วมมือกับองค์กรด้านการศึกษาอย่าง Khan Academy เพื่อสร้างติวเตอร์พิเศษซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI รวมถึงร่วมมือกับ Schmidt Futures เพื่อมอบทุนให้กับองค์กรด้านการศึกษาในชุมชนด้อยโอกาส

หนึ่งในอดีตพนักงานของ OpenAI กล่าวว่า มีหลายวิธีที่ ChatGPT จะนำมาประยุกต์ใช้ในห้องเรียนได้ สำหรับฝั่งนักเรียน เทคโนโลยีดังกล่าวสามารถช่วยปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับการเรียนรู้ของแต่ละคน เนื่องจากนักเรียนบางส่วน ไม่กล้ายกมือถามขณะอยู่ในชั้นเรียน ขณะที่ทางฝั่งผู้สอน เทคโนโลยีนี้สามารถช่วยในการเขียนหลักสูตร และใช้ในการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ได้

ทั้งนี้ ยังมีบางส่วนที่กังวลด้านความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ที่ยังเป็นเยาวชน โดยในหลายประเทศมีกฎหมายจำกัดอายุผู้ใช้งานว่าต้องมีอายุมากกว่า 13 ปีจึงจะสามารถใช้งาน ChatGPT ได้ และต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองหากผู้ใช้มีอายุระหว่าง 13-18 ปี