Rivian เพิ่มอัตราผลิตรถบรรทุกไฟฟ้า ไม่หวั่นปัญหาเงินเฟ้อ

หลัง Rivian Automotive คาดว่าจะเพิ่มอัตราการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทั้งปีอีก 2,000 คัน จนตัวเลขแตะ 54,000 คัน นับเป็นความเคลื่อนไหวเชิงบวกสำหรับอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อ ที่ทำให้ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อลดลง ขณะที่ Tesla บริษัทชั้นน้ำในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าต้องออกกลยุทธ์ลดราคาเพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อของลูกค้า

ช่วงเดือนที่ผ่านมา Elon Musk ซีอีโอของ Tesla ได้ให้ความเห็นว่าเขามีความกังวลต่ออัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคที่ต้องการซื้อรถยนต์ ขณะที่ General Motors และ Ford ยังแสดงความกังวลในประเด็นเดียวกัน เพราะคาดว่าอุปสงค์จะชะลอตัวลง

ทางด้าน Lucid.O ซึ่งเป็นบริษัทยานยนต์ไฟฟ้าที่มีขนาดเล็กได้ปรับลดการคาดการณ์การผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับอัตราการส่งมอบ โดยคาดว่าในปีนี้บริษัทจะสามารถผลิตรถยนต์ได้ 8,000–8,500 คัน ลดลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่มากกว่า 10,000 คัน

RJ Scaringe ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Rivian ให้ความเห็นว่า ตนรู้สึกประหลาดใจที่เห็นบริษัทยานยนต์ไฟฟ้าคู่แข่งต้องล้าถอยไปตามสถานการณ์ แต่ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่อาจทำให้สถานการณ์ในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าตกอยู่ในภาวะสุญญากาศ

อย่างไรก็ตาม แม้พฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปช่วงปลายปี 2023 แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์การลงทุนของบริษัท ที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่ขนาดเล็ก R2 ในปี 2026

หลังต้องพบกับปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานติดต่อกันมาหลายไตรมาส นักวิเคราะห์บางส่วนคาดว่า Rivian อาจกลับมาพลิกเกมได้อีกครั้ง ที่ผ่านมา Rivian หลีกเลี่ยงกลยุทธ์ลดราคาผลิตภัณฑ์ของตน และหันมาพัฒนาระบบขับเคลื่อน Enduro หรือระบบขับขี่ด้วยตนเอง เพื่อลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์และลดต้นทุน

นอกจากนี้ บริษัทยังเผยว่ายอดขายรถ SUV แซงหน้ายอดขายรถกระบะ R1T เป็นอย่างมาก ซึ่งช่วยถัวเฉลี่ยยอดขายของบริษัทได้เป็นอย่างดี โดยยอดส่งมอบในไตรมาส 3 ของ Rivian สูงเกินความคาดหมายของตลาด

ทั้งนี้ Rivian ระบุว่าจะยุติข้อตกลงผูกขาดกับ Amazon สำหรับการซื้อขายรถตู้ไฟฟ้าส่งของ ทำให้บริษัทอื่น ๆ สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีของ Rivian ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามทางบริษัทยังต้องส่งมอบรถตู้ไฟฟ้าให้กับ Amazon อีก 100,000 คัน ภายในปี 2030

สำหรับ รายรับในไตรมาสสามของ Rivian อยู่ที่ 1.34 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปตามคาดการณ์ของ Wall Street ขณะที่ยอดขาดทุนรายไตรมาสลดลงจากปีก่อนหน้า