อิสราเอลโจมตีค่ายผู้อพยพในฉนวนกาซา ระบุสังหารผู้นำกลุ่มฮามาส

รถถังของอิสราเอลปฏิบัติการในฉนวนกาซาเป็นเวลาอย่างน้อยสี่วันหลังจากหลายสัปดาห์ของการโจมตีทางอากาศเพื่อตอบโต้การโจมตีของกลุ่มติดอาวุธฮามาสปาเลสไตน์ต่อพลเรือนอิสราเอลส่วนใหญ่เมื่อวันที่ 7 ต.ค. และการจับตัวประกันมากกว่า 200 คน

แถลงการณ์ของกองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอลระบุว่า การโจมตีจาบาเลีย ซึ่งเป็นค่ายผู้ลี้ภัยที่ใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซา ได้สังหารอิบราฮิม บิอารี โดยระบุว่าเขาเป็นแกนนำของ "การโจมตีของผู้ก่อการร้าย" เมื่อวันที่ 7 ต.ค.

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์กล่าวว่า ชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 50 คนเสียชีวิตจากเหตุระเบิดในค่ายผู้ลี้ภัย และบาดเจ็บ 150 คน ฮาเซม กัสเซม โฆษกของกลุ่มฮามาส ปฏิเสธข่าวที่ระบุว่ามีผู้บัญชาการอาวุโสคนใดอยู่ที่นั่น และเรียกข้อกล่าวอ้างดังกล่าวว่าเป็นข้ออ้างของอิสราเอลในการสังหารพลเรือน

คำแถลงของกลุ่มฮามาส ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ 400 รายในจาบาเลีย ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวผู้ลี้ภัยจากสงครามกับอิสราเอลย้อนหลังไปถึงปี 1948 

แรงระเบิดดังกล่าวทำให้หลุมขนาดใหญ่อยู่ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเศษหินและล้อมรอบด้วยอาคารคอนกรีตที่พังยับเยิน

อิสราเอลได้ส่งคำเตือนซ้ำๆ ไปยังชาวฉนวนกาซาให้อพยพออกจากพื้นที่ทางตอนเหนือ และในขณะที่หลายคนอพยพไปทางใต้ แต่หลายคนไม่ได้อพยพไป

ในวอชิงตัน กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านสงครามยกมือที่ทาสีแดงเพื่อขัดขวางการพิจารณาในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่อิสราเอล พวกเขาตะโกนคำขวัญรวมถึง "หยุดยิงเดี๋ยวนี้!" "ปกป้องลูกหลานของกาซา!" และ "หยุดให้ทุนสนับสนุนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ก่อนที่ตำรวจสภาจะผลักดันพวกเขาออกจากพื้นที่

จอห์น เคอร์บี โฆษกความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ไม่ออกความเห็นเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่ค่ายผู้ลี้ภัย โดยกล่าวว่าเขายังไม่มีข้อมูล “การสังหารพลเรือนไม่ใช่เป้าหมายการทำสงคราม” ของอิสราเอล 

สหประชาชาติและเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์อื่นๆ กล่าวว่าพลเรือนในเขตปกครองปาเลสไตน์ที่ถูกปิดล้อมถูกกลืนหายไปจากภัยพิบัติด้านสาธารณสุข โดยโรงพยาบาลต่างๆ ต่างดิ้นรนเพื่อรักษาผู้บาดเจ็บในขณะที่ไฟฟ้าดับ

หลังจากการโจมตีจาบาเลีย ศพหลายสิบศพนอนปกคลุมไปด้วยสีขาว เรียงกันอยู่ข้างโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียง 

ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนยา การตัดไฟ และการโจมตีทางอากาศหรือปืนใหญ่ ซึ่งทำให้อาคารโรงพยาบาลสั่นคลอน ศัลยแพทย์ในฉนวนกาซาจึงทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อพยายามรักษาผู้ป่วยที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าสหรัฐฯ มี "ความก้าวหน้าอย่างแท้จริง" ในช่วงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาในการเจรจาเพื่อให้เปิดเส้นทางที่ปลอดภัยสำหรับชาวอเมริกันและชาวต่างชาติอื่นๆ ที่ต้องการออกจากฉนวนกาซา

สหรัฐฯ กาตาร์ และอียิปต์กำลังดำเนินการเพื่อเปิดเส้นทางข้ามราฟาห์เข้าสู่อียิปต์เพื่อให้ผู้คนเข้าออกได้

หน่วยงานชายแดนปาเลสไตน์ ระบุว่าทางการอียิปต์จะอนุญาตให้ชาวกาซา 81 คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีทิ้งระเบิดเข้าอียิปต์ในวันพุธ เพื่อรับการรักษา

อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติได้ยื่นอุทธรณ์อีกครั้งเมื่อวันอังคารขอให้คุ้มครองพลเรือนที่ติดอยู่ในความขัดแย้ง โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ทุกฝ่ายจะต้องดำเนินการตามสัดส่วนและมีความระมัดระวัง

แต่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ปฏิเสธข้อเรียกร้องระหว่างประเทศให้ "หยุดตามหลักมนุษยธรรม" ในการต่อสู้เพื่อให้สามารถจัดส่งความช่วยเหลือฉุกเฉินให้กับพลเรือนที่ทุกข์ทรมานจากการขาดแคลนอาหาร ยา น้ำดื่ม และเชื้อเพลิง

เขาให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าแผนการทำลายล้างกลุ่มฮามาสภายหลังสงครามที่ยืดเยื้อหลายครั้ง ย้อนกลับไปถึงการยึดครองฉนวนกาซาของกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ในปี 2550

ด้านสถานการณ์การสู้รบ  กองกำลังภาคพื้นดินของอิสราเอลได้ปะทะกับกลุ่มมือปืนของกลุ่มฮามาสที่อยู่ในเครือข่ายอุโมงค์ที่แผ่กิ่งก้านสาขา อุโมงค์ใต้วงล้อมอันคับแคบถือเป็นเป้าหมายหลักสำหรับอิสราเอลในการขยายการรุกภาคพื้นดิน

ตัวประกันบางส่วนจาก 240 ตัวที่อิสราเอลกล่าวว่าถูกกลุ่มฮามาสยึดได้ เชื่อกันว่าถูกควบคุมตัวอยู่ในบริเวณอุโมงค์ ทำให้เกิดความยุ่งยากเพิ่มเติมสำหรับทหารอิสราเอล นอกเหนือจากความยากลำบากในการสู้รบในสภาพแวดล้อมที่แออัดในเมือง

กองทัพอิสราเอลกล่าวว่ากองกำลังของตนได้โจมตีเป้าหมายประมาณ 300 จุดในช่วงวันที่ผ่านมา รวมถึงขีปนาวุธต่อต้านรถถังและแท่นปล่อยจรวดใต้ปล่องอุโมงค์ รวมถึงบริเวณใต้ดินของทหารกลุ่มฮามาส

กลุ่มติดอาวุธตอบโต้ด้วยขีปนาวุธต่อต้านรถถังและปืนกล รายงานระบุว่ามีกลุ่มติดอาวุธเสียชีวิตไปจำนวนหนึ่ง โดยไม่ได้ระบุจำนวน