ฮามาสปล่อยตัวหญิงอิสราเอล 2 คน สหรัฐฯ เตือนระวังการโจมตีฉนวนกาซา

“เราตัดสินใจปล่อยพวกเขาด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรมและสุขภาพที่ไม่ดี” อาบู อูไบดา โฆษกฝ่ายติดอาวุธกล่าวในเทเลแกรม แหล่งข่าวกล่าวว่าพวกเขาเป็นชาวอิสราเอลสูงวัย ซึ่งสื่ออิสราเอลระบุคือ นูริต คูเปอร์ และโยเชฟ ลิฟชิตซ์

พวกเขาได้รับการปล่อยตัวหลังจากหญิงชาวอเมริกันและลูกสาวของเธอปล่อยตัวเมื่อวันศุกร์ ทั้งสี่คนเป็นส่วนหนึ่งของตัวประกันกว่า 200 คนที่มือปืนของกลุ่มฮามาสจับไประหว่างการโจมตีข้ามพรมแดนเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,400 คน

แม้ในการแถลงข่าว สหรัฐฯ จะเน้นย้ำถึงสิทธิของอิสราเอลในการปกป้องตัวเอง แต่แหล่งข่าว 2 รายที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้ ระบุว่า ทำเนียบขาว เพนตากอน และกระทรวงการต่างประเทศได้เพิ่มความระมัดระวังในการเจรจากับอิสราเอล

สิ่งสำคัญอันดับแรกของสหรัฐฯ คือการเผื่อเวลาในการเจรจาเพื่อปล่อยตัวประกันคนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการปล่อยตัวตัวประกันชาวอเมริกันอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันศุกร์ จูดิธ และนาตาลี รานัน เมื่อวันศุกร์ แหล่งข่าวที่พูดก่อนการประกาศปล่อยตัวประกันจะถูกประกาศเมื่อวันจันทร์ กล่าว

เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ของการหยุดยิง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าวว่า "เราควรปล่อยตัวประกันเหล่านั้นแล้วจึงค่อยคุยกัน"

ช่อง 12 ของอิสราเอลระบุเมื่อวันจันทร์ว่าตัวประกันคนที่ 3 และ 4 ได้รับการปล่อยตัวแล้ว และครอบครัวได้รับแจ้งแล้ว สถานีโทรทัศน์ข่าวพิเศษของอียิปต์แสดงภาพนักโทษ 2 คนที่ถูกเคลื่อนย้ายไปยังรถพยาบาลที่จุดข้ามถนนราฟาห์จากฉนวนกาซาไปยังอียิปต์

อิสราเอลโจมตีเป้าหมายหลายร้อยจุดในฉนวนกาซาจากทางอากาศเมื่อวันจันทร์ ขณะที่ทหารต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธฮามาสระหว่างการโจมตีเข้าไปในแถบปาเลสไตน์ที่ถูกปิดล้อม ซึ่งมีผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น และพลเรือนติดอยู่อยู่ในสภาพที่เลวร้าย

กระทรวงสาธารณสุขของฉนวนกาซา ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 436 รายจากการทิ้งระเบิดในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่อยู่ทางตอนใต้ของดินแดนแคบๆ ที่มีประชากรหนาแน่น ถัดจากที่กองทหารและรถถังของอิสราเอลได้รวมตัวกันเพื่อเตรียมการบุกภาคพื้นดิน

กองทัพอิสราเอลกล่าวว่าได้โจมตีเป้าหมายมากกว่า 320 แห่งในฉนวนกาซาตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงอุโมงค์ที่บรรจุนักรบฮามาส ป้อมควบคุมและเฝ้าระวังหลายสิบแห่ง ตลอดจนตำแหน่งเครื่องยิงขีปนาวุธและปืนครกต่อต้านรถถัง

การทิ้งระเบิดของอิสราเอลเกิดขึ้นจากการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่นองเลือดที่สุดในวันเดียวนับตั้งแต่ก่อตั้งรัฐอิสราเอลเมื่อ 75 ปีที่แล้ว

เนื่องจากประชากร 2.3 ล้านคนในฉนวนกาซาขาดแคลนปัจจัยพื้นฐาน บรรดาผู้นำยุโรปจึงตั้งตารอที่จะปฏิบัติตามสหประชาชาติและชาติอาหรับในการเรียกร้องให้มีการ “หยุดด้านมนุษยธรรมชั่วคราว” ในการสู้รบเพื่อให้ความช่วยเหลือสามารถเข้าถึงพวกเขาได้

ทูตพิเศษของสหรัฐฯ กำลังเจรจากับอิสราเอล อียิปต์ และสหประชาชาติ เพื่อสร้าง "กลไกการจัดส่งอย่างยั่งยืน" เพื่อขอความช่วยเหลือในฉนวนกาซา หลังจากขบวนรถช่วยเหลือเริ่มข้ามเข้าไปในแถบดังกล่าวจากอียิปต์ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันจันทร์

สหประชาชาติกล่าวว่า ชาวกาซานที่สิ้นหวังยังขาดสถานที่หลบภัยจากการทุบตีอย่างไม่ลดละซึ่งทำลายพื้นที่โดยรอบที่ปกครองโดยกลุ่มฮามาสให้ราบเรียบ

ในขณะเดียวกันความขัดแย้งก็ทวีความรุนแรงขึ้นนอกเหนือจากฉนวนกาซา

เครื่องบินของอิสราเอลโจมตีที่มั่นทางตอนใต้ของเลบานอนที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยึดครอง ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรกับอิหร่านศัตรูมายาวนานเช่นเดียวกับกลุ่มฮามาส กองทัพอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์ยังปะทะกันในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครอง และกลุ่มฮามาสก็ยิงจรวดเข้าใส่อิสราเอลมากขึ้น

กระทรวงสาธารณสุขของปาเลสไตน์ระบุว่า ชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 5,087 คนถูกสังหารในช่วงสองสัปดาห์ของการโจมตี รวมถึงเด็ก 2,055 คน 

อิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีของกองกำลังติดอาวุธในชั่วข้ามคืนมีจุดประสงค์บางส่วนเพื่อรวบรวมข่าวกรอง โดยไม่ทราบที่อยู่ของตัวประกัน และได้ช่วยปรับปรุงความพร้อมทางทหาร

“การโจมตีเหล่านี้เป็นการโจมตีที่สังหารหมู่ผู้ก่อการร้ายที่กำลังเตรียมการสำหรับขั้นต่อไปในสงคราม เหล่านี้เป็นการโจมตีที่ลึกลงไป” แดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพ กล่าว

กองกำลังติดอาวุธของฮามาส ได้แก่ กองพลน้อยอิซ เอล-ดีน อัล-กอสซาม ระบุว่า นักรบของพวกเขาปะทะกับกองกำลังอิสราเอลที่แทรกซึมเข้าไปในฉนวนกาซาตอนใต้ ทำลายรถปราบดิน 2 คันและรถถัง 1 คัน และบังคับให้ผู้บุกรุกถอนกำลังออกไป

กลุ่มอัล-กัสซามยังกล่าวด้วยว่าพวกเขากำลังยิงขีปนาวุธใส่เมืองอัชเคลอนและมาฟคิอิมทางตอนใต้ของอิสราเอล เสียงไซเรนเตือนดังขึ้นทางฝั่งอิสราเอล

ในช่วงเช้าของวันจันทร์ เครื่องบินรบของอิสราเอลยังได้โจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์สองแห่งในเลบานอนซึ่งกำลังวางแผนที่จะยิงขีปนาวุธและจรวดไปยังอิสราเอล กองทัพอิสราเอลกล่าว อิสราเอลยังโจมตีบริเวณของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์และฐานสังเกตการณ์ด้วย

ด้านสำนักงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) ระบุว่า ขณะนี้ประชากรในฉนวนกาซาประมาณ 1.4 ล้านคน หรือมากกว่าครึ่งหนึ่ง ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ โดยหลายคนแสวงหาที่หลบภัยในศูนย์พักพิงฉุกเฉินของสหประชาชาติที่มีผู้คนหนาแน่นมากเกินไป