posttoday

Virgin Galactic ทำการบินเครื่องบินอวกาศเชิงพาณิชย์ลำแรกสู่ขอบอวกาศสำเร็จ

30 มิถุนายน 2566

ลูกเรือสามคนจากอิตาลีทะยานขึ้นเหนือทะเลทรายนิวเม็กซิโกสูงกว่า 50 ไมล์ (80 กม.) ด้วยเครื่องบินจรวด Virgin Galactic ซึ่งเป็นเที่ยวบินแรกของบริษัทในเชิงพาณิชย์ ส่งลูกค้าสู่ขอบอวกาศ นับตั้งแต่ริชาร์ด แบรนสัน มหาเศรษฐีชาวอังกฤษก่อตั้งบริษัทร่วมทุน ในปี 2004

เจ้าหน้าที่กองทัพอากาศอิตาลีสองคนและวิศวกรการบินและอวกาศจาก National Research Council of Italy ได้ขึ้นสู่ระดับใกล้วงโคจรอวกาศเป็นระยะเวลาสั้นๆ กับลูกเรือของ Virgin Galactic ในยาน VSS Unity ขณะที่มันถูกปล่อยจากใต้ท้องของ เครื่องบินบรรทุกลำตัวคู่

 

ประมาณ 75 นาทีหลังจากออกจากพื้นพร้อมยานแม่ เครื่องบินอวกาศ Unity ก็ร่อนกลับสู่ฐานอย่างปลอดภัยบนรันเวย์ที่ Spaceport America ใกล้กับเมือง Truth or Consequences ในนิวเม็กซิโก 

 

เที่ยวบินดังกล่าวถือเป็นการพัฒนาที่ล่าช้ามานานสำหรับ Virgin Galactic Holding Inc ซึ่งในที่สุดก็ได้เปิดตัวบริการเชิงพาณิชย์หลังจากเกือบ 20 ปีที่เต็มไปด้วยอุปสรรคของการพัฒนา

 

Virgin กลายเป็นองค์กรเชิงพาณิชย์รายล่าสุด ร่วมกับ Blue Origin ของ Jeff Bezos และ SpaceX ของมหาเศรษฐี Elon Musk ซึ่งให้บริการแก่ลูกค้าผู้ร่ำรวย ที่ยอมจ่ายเงินก้อนโตเพื่อสัมผัสความตื่นเต้นของความเร็วของจรวดเหนือเสียง สภาวะไร้น้ำหนัก และปรากฏการณ์ความโค้งของโลกจากอวกาศ 

 

อย่างไรก็ตาม ภารกิจ "กาแลกติก 01" ของทีมอิตาลีที่บินเมื่อวันพฤหัสบดี ถูกมองว่าเป็นภารกิจทางวิทยาศาสตร์ โดยลูกเรือทั้งสามคนวางแผนที่จะรวบรวมข้อมูลไบโอเมตริก วัดประสิทธิภาพการรับรู้ และบันทึกว่าของเหลวและของแข็งบางชนิดผสมกันอย่างไรในสภาวะไร้น้ำหนัก

 

สำหรับ นาวาอากาศเอก Walter Villadei ของกองทัพอากาศอิตาลี เที่ยวบินนี้เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกนักบินอวกาศของเขาสำหรับภารกิจในอนาคตสู่สถานีอวกาศนานาชาติ

 

ชาวอิตาลีสองคนที่มาร่วมงานกับเขาในวันพฤหัสบดี ได้แก่ พันโท Angelo Landolfi แพทย์และศัลยแพทย์การบิน และ Pantaleone Carlucci สมาชิกสภาวิจัยที่ทำหน้าที่เป็นวิศวกรการบินและผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำหนักบรรทุก

 

Virgin Galactic กล่าวว่า Unity ทำการบินได้สูงสุดที่ระดับความสูงเกือบ 52.9 ไมล์ (85.1 กม.)

 

เมื่อถึงจุดสูงสุดของการบิน เครื่องยนต์จรวดจะดับลง ลูกเรือก็ประสบภาวะไร้น้ำหนักอยู่หลายนาทีก่อนที่ยานจะเข้าสู่โหมดกลับเข้าสู่พื้นโลก และเริ่มร่อนลงสู่พื้นโลก

การบินครั้งนี้เกิดขึ้นสองปี หลังจากที่แบรนสันเดินทางร่วมกับบุคลากรของVirgin Galactic อีก 5 คนในการทดสอบการบินอวกาศแบบมีมนุษย์ครบชุดครั้งแรกของ Unity ในเดือนกรกฎาคม 2564 ในขณะนั้น บริษัทตั้งเป้าให้บริการเชิงพาณิชย์ในปี 2565 หลังการทดสอบเพิ่มเติม

 

แต่การเสร็จสิ้นโปรแกรมการทดสอบใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลกลางสั่งระงับ Unity เป็นเวลา 11 สัปดาห์ ขณะที่บริษัทกำลังถูกสอบสวนในข้อหาเบี่ยงเบนจากเส้นทางบนน่านฟ้าที่ได้รับอนุญาตระหว่างการบินขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2564 

 

บริษัทได้กล่าวก่อนการเปิดตัวในวันพฤหัสบดีว่าเที่ยวบินที่ประสบความสำเร็จครั้งนี้ จะปูทางให้ Unity กลับมาบินได้อีกครั้งในต้นเดือนสิงหาคม โดยจะมีเที่ยวบินรายเดือนหลังจากนั้น

 

Virgin Galactic กล่าวว่าได้จอง Backlog ของลูกค้าแล้วประมาณ 800 ราย โดยเรียกเก็บเงินมัดจำส่วนใหญ่จาก 250,000 ถึง 450,000 ดอลลาร์ต่อที่นั่ง และตั้งเป้าหมายว่าในที่สุดจะสร้างฝูงบินที่ใหญ่พอที่จะรองรับเที่ยวบินได้ 400 เที่ยวบินต่อปี

 

ขณะที่ประเด็นความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในธุรกิจนี้ โดยเครื่องบินอวกาศของ Virgin Galactic รุ่นต้นแบบก่อนหน้านี้ตกระหว่างการบินทดสอบเหนือทะเลทรายโมฮาวีของแคลิฟอร์เนียในปี 2557 ทำให้นักบินเสียชีวิต1 รายและบาดเจ็บสาหัสอีกราย ทำให้ผู้โดยสารจำเป็นต้องลงนามในหนังสือสละสิทธิ์ก่อนขึ้นบิน เพื่อรับทราบความเสี่ยงและการขาดกฎหมายของรัฐบาลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในอวกาศ

 

อย่างไรก็ตาม ระดับความสูงจากพื้นดินในการบินของ Virgin Galactic อาจทำให้เสียเปรียบคู่แข่งในบริการทัวร์อวกาศรายอื่นไม่น้อย

 

Jeff Bezos ซึ่งเปิดบริษัท Blue Origin เป็นบริษัทร่วมทุนด้านการท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์ได้บินเที่ยวบินโดยสารเชิงพาณิชย์ไปแล้วหลายเที่ยว ได้ดูถูกเวอร์จิ้นว่าขาดมาตรฐาน

 

Bezos กล่าวว่าแตกต่างจาก Unity ตรงที่จรวด New Shepard ของ Blue Origin สามารถบินได้สูงถึง 62 ไมล์(100 กม.)  หรือที่เรียกว่าเรียกว่าเส้น Karman ซึ่งกำหนดโดยหน่วยงานด้านการบินระหว่างประเทศเพื่อกำหนดขอบเขตระหว่างชั้นบรรยากาศของโลกและอวกาศ

 

แต่ NASA และกองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้นิยามนักบินอวกาศว่าเป็นผู้ใดก็ตามที่บินสูง 50 ไมล์ (80 กม.) ขึ้นไป

 

ข่าวล่าสุด

สูตรไลฟ์ขายของจาก “จูน-กษมา–เชน ธนา”ทำยังไงให้ขายได้ ไม่ใช่แค่มีคนดู