เอกสารลับของสหรัฐเกี่ยวกับสงครามยูเครนรั่วไหล

เจ้าหน้าที่ประธานาธิบดียูเครนกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ข่าวการรั่วไหลของข้อมูลลับนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการดำเนินการบิดเบือนข้อมูลของรัสเซียเพื่อให้เกิดความสงสัยเกี่ยวกับแผนการตอบโต้ของยูเครน

ด้านเพนตากอนกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่ากำลังประเมินการละเมิดความปลอดภัยที่ชัดเจน

“เราทราบรายงานการโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์แล้ว และแผนกกำลังตรวจสอบเรื่องนี้” ซาบรีนา ซิงห์ รองเลขาธิการสื่อมวลชนกล่าว

เอกสารดังกล่าวเผยแพร่บนทวิตเตอร์และเทเลแกรม และมีรายงานว่ามีแผนภูมิและรายละเอียดเกี่ยวกับการส่งมอบอาวุธ ความแข็งแกร่งของกองกำลังทหาร และข้อมูลละเอียดอ่อนอื่นๆ ไทมส์ระบุ

ไม่มีคำอธิบายว่าแผนดังกล่าวได้มาอย่างไร

ข้อมูลในเอกสารมีอายุอย่างน้อย 5 สัปดาห์ โดยชิ้นล่าสุดลงวันที่ 1 มีนาคม รายงานระบุ แผนดังกล่าวไม่ได้ระบุการดำเนินการเฉพาะ เช่น เมื่อใดยูเครนจะเปิดฉากรุก

เอกสารฉบับหนึ่งสรุปตารางการฝึกของกองพลรบยูเครน 12 กองพล และกล่าวว่า 9 กองกำลังฝึกโดยกองกำลังสหรัฐฯ และนาโต้ ต้องใช้รถถังประมาณ 250 คันและยานยนต์มากกว่า 350 คันสำหรับปฏิบัติการ

เอกสารลับดังกล่าว ซึ่งอย่างน้อย 1 รายการมีการประทับตรา "ลับสุดยอด" ถูกเผยแพร่ผ่านช่องทางของรัฐบาลที่ฝักใฝ่รัสเซีย

ข้อมูลในเอกสารยังให้รายละเอียดอัตราค่าใช้จ่ายสำหรับอาวุธยุทโธปกรณ์ภายใต้การควบคุมของกองทัพยูเครน รวมถึงจรวด HIMARS ซึ่งเป็นระบบปืนใหญ่ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงในการต่อต้านกองกำลังรัสเซีย

รายงานอ้างคำพูดของนักวิเคราะห์ทางทหารที่เตือนว่าเอกสารบางฉบับดูเหมือนจะถูกดัดแปลงในการบิดเบือนข้อมูลโดยรัสเซีย และลดการสูญเสียในสนามรบของรัสเซียให้เหลือน้อยที่สุด

Kyiv กล่าวว่าประธานาธิบดี Volodymyr Zelenskyy และเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงหารือเกี่ยวกับวิธีการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลทางทหารในการประชุมเมื่อวันศุกร์ทันที

ถ้อยแถลงเกี่ยวกับการประชุมที่ออกโดยสำนักงานของประธานาธิบดีไม่ได้ระบุว่าเกิดการรั่วไหล และไม่ได้อ้างถึงรายงานของ New York Times แต่อย่างใด

“ผู้เข้าร่วมการประชุมมุ่งเน้นไปที่มาตรการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลเกี่ยวกับแผนของกองกำลังป้องกันของยูเครน” ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีระบุ

การรั่วไหลของข้อมูล มีความสำคัญที่เห็นได้ชัดมากขึ้นเมื่อการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปในเมือง Bakhmut ทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งเป็นหนึ่งในการสู้รบที่รุนแรงที่สุดของสงครามจนถึงตอนนี้

ในขณะที่นักวิเคราะห์จากชาติตะวันตกมองข้ามความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของเมืองนี้ เคียฟได้วางกรอบการป้องกันเมืองอย่างดื้อรั้นว่าเป็นวิธีหนึ่งในการปราบปรามกองกำลังรัสเซียก่อนการตอบโต้ที่คาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากอาวุธขั้นสูงที่จัดหาโดยตะวันตก

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย เรียกการรุกรานครั้งนี้ว่าเป็น “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ที่จำเป็นเพื่อกำจัดพวกนาซีและปกป้องรัสเซียจากชาติตะวันตกที่เป็นปรปักษ์

ความขัดแย้งได้คร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคน ทำลายเมืองต่างๆ และทำให้เศรษฐกิจโลกสั่นคลอน ชาวยูเครนหลายล้านคนหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่คนอื่นๆ ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ