อาชญากรรมจากความเกลียดชังในสหรัฐฯ พุ่ง อคติต่อสีผิว ชาติพันธุ์นำโด่ง

รายงานจาก FBI ระบุว่า อาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังในสหรัฐฯปี 2021 เพิ่มขึ้นเป็น 9,065 เคส จากเดิมในปี 2020 อยู่ที่ 8,120 เคส โดยในปี 2021 เหยื่อที่ตกเป็นเป้ากว่า 64.5% มาจากสาเหตุทางเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ หรืออคติทางบรรพบุรุษ ขณะที่ 15.9% ตกเป็นเป้าการถูกโจมตีเพราะรสนิยมทางเพศ และ 14.1% มาจากสาเหตุทางศาสนา

รายงานยังระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากที่สุด 2,233 เคส คือเหตุการณ์ที่มีแรงจูงใจจากอคติต่อต้านชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ขณะที่ในบรรดาอาชญากรรมจากความเกลียดชังที่มีสาเหตุมาจากศาสนา มากกว่าครึ่งพุ่งเป้าไปที่ชาวยิว

ตัวเลขยังระบุอีกว่า 948 เคสเป็นอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังต่อคนผิวขาว 543 เคสมุ่งเป้าต่อชายที่เป็นเกย์ และอีก 415 เคส มีความเกี่ยวข้องกับสมาชิกของชุมชน LGBTQ 433 เคสเป็นอาชญากรรมที่จากอคติต่อชาวสเปน และ 305 เคสที่เป็นอคติต่อชาวเอเชีย

ทางด้าน Merrick Garland อัยการสูงสุดได้กำหนดบังคับใช้กฎหมายต่อต้านอาชญากรรมจากความเกลียดชังให้มีความสำคัญสูงสุดในกระบวนการยุติธรรม

รายงานการวิเคราะห์อาชญากรรมจากความเกลียดชังระดับประเทศในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ FBI เปลี่ยนไปใช้ระบบเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่มีความน่าเชื่อถือและแม่นยำ ทั้งยังสามารถรวมข้อมูลอาชญากรรมย้อนหลังจากเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศได้ ซึ่งโดยปกติแล้ว พวกเขาจะติดตามข้อมูลจากเมืองที่มีประชากรมากที่สุด 130 แห่งใน 16 รัฐ  เพื่อระบุแนวโน้มที่มีนัยสำคัญทางสถิติ

ขณะที่ Jonathan Greenblatt หัวหน้าผู้บริหารของ Anti-Defamation League (ADL) กล่าวว่า รายงานดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันว่าอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังถือว่าแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2021

ทางองค์กร ADL ได้รวบรวมข้อมูลด้านอาชญากรรมและไม่ใช่อาชญากรรมที่การกระทำเกี่ยวข้องกับการแสดงความเกลียดชังต่อชาวยิว และพบว่า ในปี 2021 มีเหตุการณ์ต่อต้านชาวยิวรวมทั้งหมด 2,717 เหตุการณ์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ ADL เริ่มติดตามข้อมูลในปี 1979