posttoday

รู้จัก Nguyen Xuan Phuc ประธานาธิบดีเวียดนามที่ถูกกดดันให้ลาออก

18 มกราคม 2566

ข่าวการลาออกอย่างกระทันหันของ Nguyen Xuan Phuc ปธน.เวียดนามสร้าง ความประหลาดใจให้กับผู้สังเกตการณ์การเมืองในเวียดนามไม่น้อย เพราะเขานับว่าเป็นนักการเมืองที่ได้รับการยอมรับในเรื่องผลงานและวิสัยทัศน์ด้านการบริหาร จนเศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตมากที่สุดในภูมิภาค

แม้ตำแหน่งประธานาธิบดีของเวียดนามจะมีบทบาททางพิธีการเป็นส่วนใหญ่ เพราะตำแหน่งที่มีอำนาจทางการเมืองสูงสุดที่แท้จริง คือ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งปัจจุบันเป็นของ Nguyen Phu Trong ที่อยู่ในตำแหน่งเป็นวาระที่สามแล้ว และการตัดสินใจสำคัญขึ้นอยู่กับสมาชิกกรมการเมืองประจำพรรค 18 คน แต่ก็ถือว่าเขาเป็นเบอร์สอง ในโครงสร้างอำนาจหลักของเวียดนาม ที่ประกอบด้วย เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรีและประธานสภา ซึ่งมีน้ำหนักมากพอที่ทำให้เขาจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเลขาธิการพรรค หาก Nguyen Phu Trong ต้องลงจากตำแหน่ง แต่การลาออกครั้งนี้ ถือเป็นการปิดฉากทางการเมืองของเขาโดยสิ้นเชิง

หลังการลาออกระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามที่จัดขึ้นเป็นวาระพิเศษเพื่อพิจารณาการลาออกและเกษียณการทำงานของเขาโดยเฉพาะ เพราะนอกจากตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว Nguyen Xuan Phuc  ยังลาออกจากตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการโปลิตบูโร คณะกรรมการบริหารของคณะกรรมาธิการส่วนกลาง และประธานสภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติเวียดนามด้วย

Nguyen Xuan Phuc เกิดเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2497 ในจังหวัดกวางนาม เวียดนามเหนือ ครอบครัวของเขาทำงานร่วมกับแนวร่วมปลดปล่อยเวียดนามจนมารดาและน้องสาวถูกสังหารโดยกองทัพสหรัฐและรัฐบาลเวียดนามใต้ จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แห่งชาติ ฮานอย และจัดการด้านการบริหาร สถาบันการศึกษารัฐประศาสนศาสตร์แห่งชาติ ก่อนจะเข้าร่วมงานกับพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อปี 2526 และมีความก้าวหน้าจนได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เมื่อปี 2549 เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำทำเนียบรัฐบาลเวียดนาม รองนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ในปี 2559

ต่อมาเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2564 : ได้รับเลือกเป็นสมาชิกของโปลิตบูโรของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม (CPV) สมัยที่ 13 และวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2564 ก็ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเวียดนาม หลังจาก Nguyen Phu Trong เลขาธิการพรรคซึ่งนั่งควบเก้าอี้ก้าวลงจากตำแหน่ง

โดยในการลงคะแนนเขาได้คะแนนโหวตสูงสุดในบรรดาสมาชิกสภาแห่งชาติที่มีจำนวนเกือบ 500 คน โดยได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 97% ให้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 11 นับตั้งแต่ปี 2488 เมื่อประธานาธิบดีโฮจิมินห์อ่านคำประกาศอิสรภาพเพื่อก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม

สมัชชาแห่งชาติระบุว่าถือเป็นครั้งแรกที่มีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ทั้งนี้ส่วนหนึ่ง เป็นผลมาจากช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นช่วงที่เศรษฐกิจเฟื่องฟูและการตอบสนองต่อการระบาดของโควิด-19 ของรัฐบาลได้รับเสียงชื่นชมจากทั้งในและต่างประเทศ ทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักการเมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุด

Nguyen Xuan Phuc อาจก้าวสู่จุดสูงสุดทางการเมืองได้หากไม่ถูกอุบัติเหตุกดดันจนต้องลาออก เพราะโดยปกติแล้วผู้นำสมาชิกกรมการเมือง(Politburo)ของเวียดนาม จะเกษียณอายุที่ 65 ปี แต่ เขาเป็นหนึ่งใน “กรณีพิเศษ” ร่วมกับ Nguyen Phu Trong เลขาธิการพรรคซึ่งมีอายุเกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้  ผลงานสำคัญของเขา คือการผลักดันเวียดนามให้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสูงในช่วงที่เขาเป็นนายกฯ ก่อนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด และต่อมาเขาถือเป็นผู้นำในการรับมือการระบาดด้วยการประกาศใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดทั่วประเทศ ทำให้เวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นบวกในปี 2020 ซึ่งเกิดการระบาดในระดับสูงสุดทั่วโลก แต่นั่นก็เป็นแผลที่ทำให้เขา ถูกกดดันให้ลงจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีอื้อฉาวที่เกิดขึ้น คือปัญหาคอรร์รัปชันที่เชื่อมโยงกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา รวมทั้งรองนายกรัฐมนตรีสองคน และรัฐมนตรีคนอื่น ๆ อีกสามคน ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับมาตรการที่รัฐบาลนำมาใช้ในการควบคุมการระบาด

การปิดฉากทางการเมืองของ Nguyen Xuan Phuc ถูกจับตามองอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะจากผู้คนในแวดวงเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน เพราะยังไม่มีความชัดเจนว่า ใครจะก้าวขึ้นมานั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศแทน และจะกระทบต่อแนวทางการบริหารเศรษฐกิจตามแนวที่เราเคยทำมาหรือไม่ การเมืองเวียดนามหลังนี้ จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร คงต้องรอความชัดเจนจาก Nguyen Phu Trong ผู้มีอำนาจตัวจริงของเวียดนาม