ตำรวจเยอรมันปะทะเดือดกลุ่มต้านพลังงานถ่านหิน
จากวิกฤตด้านพลังงานที่เกิดขึ้นในยุโรป ทางการเยอรมันจึงมีความจำเป็นหันกลับมาใช้พลังงานจากถ่านหินอีกครั้งท่ามกลางเสียงคัดค้านจากประชาชน ล่าสุดทางตำรวจได้เข้าสลายการชุมนุมกับกลุ่มผู้ประท้วง ส่งผลให้ความตึงเครียดทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ผลพวงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปต้องเผชิญกับวิกฤตพลังงาน หลายประเทศต้องหันกลับมาใช้พลังงานถ่านหินซึ่งเยอรมันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้จะเป็นพลังงานที่ส่งผลร้ายต่อโลกมากกว่าก็ตาม
กลุ่มผู้ประท้วงชาวเยอรมันได้รวมตัวต่อต้านการขยายเหมืองถ่านหิน Garzweiler ที่ดำเนินการโดยบริษัทพลังงาน RWE ซึ่งจะกลายเป็นแหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ขณะที่นโยบายกลับมาใช้พลังงานถ่านหินจากการนำทัพของโอลาฟ โชลซ์ (Olaf Scholz) ส่งผลกระทบต่อพรรคกรีนซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและคัดค้านแนวคิดขยายเหมืองถ่านหินมาโดยตลอด
ผู้ประท้วงบางส่วนได้นำถ่านหินกว่า 250 กิโลกรัมมาทิ้งหน้าสำนักงานใหญ่ของพรรคกรีนส์ ขณะที่อีกส่วนรวมตัวกันยังหมู่บ้าน Luetzerath ทางตะวันตกของเยอรมันเพื่อขัดขวางการขยายเหมืองถ่านหิน ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่ามีนักเคลื่อนไหวบางกลุ่มเริ่มปาหินใส่เจ้าหน้าที่ จึงเรียกร้องให้ผู้ประท้วงชุมนุมกันโดยสงบ หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง
ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ได้เสริมปฏิบัติการเข้าสลายกลุ่มผู้ประท้วงแล้ว ท่ามกลางเสียงก่นด่าจากกลุ่มผู้ชุมนุมว่าปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ย้อนแย้งกับแถลงการณ์
“กล้าพูดว่าให้หลีกเลี่ยงความรุนแรง? บ้าบอมากที่คุณทำกับเราแบบนี้ ไม่อายบ้างเหรอ?” เสียงสะท้อนจากหนึ่งในผู้ประท้วงขณะถูกจับกุมตัวจากเจ้าหน้าที่
“เป็นเรื่องน่าโมโหที่เห็นว่าตำรวจเริ่มเคลียร์พื้นที่และเริ่มใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ประท้วงแล้ว เราพึ่งพาอะไรกฎหมายไม่ได้ สุดท้ายแล้วก็มีแค่ร่างกายพวกเราที่จะขัดขวางการรื้อถอนหมู่บ้าน Luetzerath เพื่อขยายเหมืองถ่านหิน ” นักเคลื่อนไหวด้านสภาพอากาศรายหนึ่งกล่าว
ข้อมูลจาก RWE ระบุว่า เหมือง Garzweiler สกัดลิกไนต์ได้ประมาณ 25 ล้านตันทุกปี และบริษัทจะสนับสนุนทั้งการเปลี่ยนผ่านพลังงานและการเพิ่มการใช้โรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์เป็นการชั่วคราวเพื่อให้เยอรมนีผ่านพ้นวิกฤตพลังงานไปได้