ไต้หวันเสนอตัวช่วยจีน แก้ปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID

ในการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างฉับพลัน เมื่อเดือนที่แล้ว จีนได้เริ่มผ่อนคลายและยกเลิกระบอบการปิดล้อมและการตรวจหาเชื้ออย่างเข้มงวดที่สุดในโลก ซึ่งหมายความว่า COVID-19 อาจกำลังแพร่กระจายอย่างกว้างขวางโดยไม่มีการตรวจสอบและอาจติดเชื้อคนนับล้านต่อวัน ตามที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระหว่างประเทศบางคนกล่าวเตือนไว้

ในการกล่าวข้อความอวยพรปีใหม่ของเธอที่สำนักงานประธานาธิบดี ไช่ กล่าวว่าทุกคนได้เห็นการเพิ่มขึ้นของการติดเชื้อรายใหม่ในประเทศจีน ซึ่งยังคงมองว่าไต้หวันเป็นดินแดนของตนเองและได้เพิ่มแรงกดดันทางทหารเพื่อยืนยันคำกล่าวอ้างเหล่านั้น 

'ตราบใดที่เรายังมีความจำเป็นที่ต้องอาศัยการดูแลด้านมนุษยธรรม เราพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นเพื่อช่วยผู้คนจำนวนมากขึ้นให้พ้นจากโรคระบาดนี้ และมีปีใหม่ที่ปลอดภัยและมีสุขภาพแข็งแรง' 

เธอกล่าวโดยไม่ได้อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม และย้ำถึงการเรียกร้องให้มีการเจรจากับจีน โดยกล่าวว่าสงครามไม่ใช่ทางเลือกในการแก้ไขปัญหา

ไต้หวันและจีนได้โต้ตอบกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับมาตรการที่เกี่ยวข้องของพวกเขาเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของ COVID 

จีนได้วิพากษ์วิจารณ์ไต้หวันสำหรับการจัดการโรคระบาดอย่างไม่มีประสิทธิภาพหลังจากการติดเชื้อในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่ไต้หวันกล่าวหาจีนว่าขาดความโปร่งใสและพยายามแทรกแซงการจัดหาวัคซีนให้กับไต้หวันซึ่งปักกิ่งปฏิเสธ 

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนกล่าวสุนทรพจน์ปีใหม่เมื่อเย็นวันเสาร์ โดยกล่าวถึงไต้หวันเพียงสั้นๆ โดยกล่าวว่าประชาชนทั้งสองฝั่งของช่องแคบไต้หวัน 'เป็นสมาชิกของครอบครัวเดียวกัน' และไม่ได้กล่าวถึงการพยายามทำให้เกาะนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของจีน 

ไช่ ตอบคำถามจากผู้สื่อข่าว โดยกล่าวว่าเธอได้เห็นข้อสังเกตที่ 'อ่อนโยนลง" ของสี 'แต่ฉันอยากจะเตือนผู้คนว่ากิจกรรมทางทหารของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนที่อยู่ใกล้ไต้หวันไม่ได้เอื้อให้เกิดความสัมพันธ์ข้ามพรมแดนหรือสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคเลย' 

ไม่นานหลังจากไช่กล่าวอวยพรปีใหม่ กระทรวงกลาโหมของไต้หวันกล่าวว่าเครื่องบินทหารจีน 12 ลำได้ข้ามเส้นแบ่งของช่องแคบไต้หวัน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำหน้าที่เป็นกันชนระหว่างทั้งสองฝ่ายอย่างไม่เป็นทางการในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา 

จีนจัดการซ้อมรบใกล้เกาะไต้หวันในเดือนสิงหาคมหลังจากที่แนนซี่ เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาได้เดินทางเยือนไทเป และกิจกรรมการซ้อมรบเหล่านั้นยังคงดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ ไช่กล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าเธอต้องการเจรจาและสันติภาพกับจีน แต่ไต้หวันจะป้องกันตนเองหากถูกโจมตี และมีประชาชนเพียง 23 ล้านคนเท่านั้นที่สามารถตัดสินใจอนาคตของพวกเขาได้ ขณะจีนมองว่าไช่เป็นฝ่ายที่ต้องการแยกตัวออกจากจีนและปฏิเสธที่จะคุยกับเธอ