UN ยุติโครงการบางโครงการในอัฟกานิสถาน หลังห้ามพนักงานหญิงทำงาน

นายมาร์ติน กริฟฟิธส์ หัวหน้าหน่วยงานของสหประชาชาติ และองค์กรสาธารณกุศลหลายหน่วยงาน ได้กล่าวในแถลงการณ์ร่วมกันว่า 'การมีส่วนร่วมของผู้หญิงในการให้ความช่วยเหลือนั้นไม่สามารถต่อรองได้และต้องดำเนินต่อไป' พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่อัฟกานิสถานยกเลิกการตัดสินใจดังกล่าว

'การห้ามผู้หญิงทำงานด้านมนุษยธรรม มีผลต่อชีวิตชาวอัฟกันทุกคนในทันที โครงการสำคัญบางโครงการต้องหยุดชั่วคราวเนื่องจากขาดพนักงานหญิง ... เราไม่สามารถเพิกเฉยต่อข้อจำกัดด้านการปฏิบัติงานที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ในฐานะชุมชนด้านมนุษยธรรมได้ แต่เราคาดการณ์ว่ากิจกรรมหลายอย่างจะต้องหยุดชั่วคราวเนื่องจากเราไม่สามารถให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมได้โดยปราศจากพนักงานหญิง'

คำสั่งห้ามพนักงานผู้หญิงทำงานในองค์กรข้ามชาติ ถูกประกาศโดยรัฐบาลตาลีบันเมื่อวันเสาร์ หลังจากห้ามผู้หญิงเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อสัปดาห์ก่อน และเด็กผู้หญิงถูกห้ามไม่ให้เข้าโรงเรียนมัธยมในเดือนมีนาคม 

แถลงการณ์นี้ ซึ่งลงนามโดยหัวหน้า UNICEF, โครงการอาหารโลก, องค์การอนามัยโลก, โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ, และคณะกรรมการระดับสูงของสหประชาชาติเพื่อผู้ลี้ภัยและสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า

'ไม่มีประเทศใดสามารถตัดประชากรครึ่งหนึ่งออกจากการมีส่วนร่วมในสังคมได้' 

มี 12 ประเทศและสหภาพยุโรปร่วมกันเรียกร้องให้กลุ่มตาลีบันยกเลิกการห้ามพนักงานหญิงทำงาน และอนุญาตให้ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงกลับเข้าระบบการศึกษาโดยเร็ว 

รัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรเลีย แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ได้ออกแถลงการณ์ว่า การห้ามพนักงานหญิงทำงานในองค์กรสาธารณกุศล ทำให้ชาวอัฟกานิสถานมากกว่า 28 ล้านคนตกอยู่ในอันตราย หลังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพื่อความอยู่รอด

กลุ่มตาลีบันยึดอำนาจปกครองอัฟกานิสถาน เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ก่อนหน้านี้ พวกเขาห้ามการศึกษาของเด็กผู้หญิงเมื่อครั้งที่อยู่ในอำนาจเมื่อสองทศวรรษที่แล้ว แต่ได้กล่าวว่านโยบายของพวกเขาได้เปลี่ยนไป ทั้งนี้การบริหารที่นำโดยตาลีบันไม่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ เนื่องจากนำหลักคิดสุดโต่งหลายประการมาใช้