posttoday

การผ่อนคลาย COVID ของจีนเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในต้นปีหน้า

09 ธันวาคม 2565

นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่า การเปลี่ยนแปลงของจีนจากนโยบายการควบคุมโควิดที่เข้มงวด จะผลักดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปีหน้า ก่อนที่อัตราการติดเชื้อจะพุ่งสูงขึ้นอีกรอบจะมีแนวโน้มกดดันการเติบโตในอีกไม่กี่เดือนหลังจากนั้น

แม้มีสัญญาณของอุปสงค์สำหรับการเดินทางและบริการอื่น ๆ ที่ฟื้นตัวแล้ว แต่ระบบการรักษาพยาบาลที่เปราะบางของจีนและอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ ทำให้จีนไม่พร้อมสำหรับการติดเชื้อระลอกใหญ่ ซึ่งอาจจุดประกายการขาดแคลนแรงงานและทำให้ผู้บริโภคระแวดระวังมากยิ่งขึ้น

นักเศรษฐศาสตร์หลายคนได้ลดตัวเลขการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจที่ใหญ่อันดับสองของโลกในช่วงต้นปีหน้า โดยยังคงตัวเลขการเติบโตในปีนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเลขที่เลวร้ายที่สุดในรอบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา และแม้ในขณะที่ความเชื่อมั่นในระยะยาวเกี่ยวกับการฟื้นตัวของจีนยังคงไม่สั่นคลอน แต่การเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง อาจกระตุ้นให้เกิดเงินเฟ้อ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังคงค่อนข้างต่ำในจีน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อื่นทั่วโลก

  Nie Wen นักเศรษฐศาสตร์จาก Hwabao Trust ในเซี่ยงไฮ้กล่าว ได้ลดการคาดการณ์การเติบโตของจีนในไตรมาสแรกลงเหลือ 3.5%-4% จาก 5% ก่อนหน้านี้ โดยอ้างถึงความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่จีนเฉลิมฉลองวันหยุดตรุษจีนในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นช่วงเวลายอดนิยมสำหรับการเดินทางของประชากร 1.4 พันล้านคนของประเทศ

เศรษฐกิจจีนเติบโตเพียง 3% ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้  ส่วนหนึ่งเป็นผลจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศตกต่ำ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก  แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นผลจากข้อจำกัดเข้มงวดของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด การล็อกดาวน์และการกักกัน ทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงักและการใช้จ่ายของผู้บริโภคตกต่ำ และในที่สุดก็ทำให้เกิดการประท้วงอย่างกว้างขวางซึ่งกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายในที่สุดและเนื่องจากจีนมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายหลังการผ่อนคลายรอบนี้ จึงมีการประเมินว่าผลกระตุ้นเศรษฐกิจอาจประสบความล่าช้าอย่างมาก

มอร์แกน สแตนลีย์ ประเมินหลังการประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายล่าสุด  คาดว่าการเติบโตของจีนจะดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยจะมี การฟื้นตัวที่เห็นชัดเจนมากขึ้น ในช่วงครึ่งหลังของปี และการเติบโต 5% ตลอดทั้งปี

ขณะที่ HSBC  คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตสูงกว่า 5% ในปี 2566 โดยอ้างถึงมาตรการต่อต้านโควิดที่ผ่อนคลาย รวมทั้งนโยบายการคลังและการเงินที่สนับสนุนการเติบโต

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางแนวโน้มที่จีนจะกลับมาเปิดทำการอีกครั้งคืออัตราเงินเฟ้อที่อาจพุ่งสูงขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อเศรษฐกิจโลกรวมถึงตัวจีนเองด้วย  ขณะเดียวกัน ราคาพลังงานที่สูงซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเงินเฟ้ออีกตัวหนึ่งมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับแรงกดดันที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจีนเริ่มกลับมาเปิดทำการเต็มรูปแบบอีกครั้ง  อาจทำให้ภาวะเงินเฟ้อระดับโลกยังคงยืดเยื้อต่อไป