เหยื่อแผ่นดินไหวอินโดนีเซียทะลุ 268 คน ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน
แผ่นดินไหวที่ถล่มชวาตะวันตกของอินโดนีเซียทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 268 คน ในจำนวนนี้มีเด็ก ๆ อยู่ 151 คน ขณะที่หน่วยกู้ภัยยังคงค้นหาซากอาคารที่ถูกทำลายหวังเจอผู้รอดชีวิต
แผ่นดินไหวขนาด 5.6 เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันจันทร์ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหลวงจาการ์ตาประมาณ 75 กิโลเมตร ทำให้เมืองซีอานจูร์ได้รับความเสียหายอย่างมาก และเกิดแผ่นดินถล่มฝังหมู่บ้านอย่างน้อยหนึ่งแห่ง
หัวหน้าสำนักงานภัยพิบัติ ซูฮารันโต กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่ามีผู้บาดเจ็บมากกว่า 1,000 คน ผู้พลัดถิ่น 58,000 คน และบ้าน 22,000 หลังได้รับความเสียหาย
แผ่นดินถล่มและภูมิประเทศที่ยากลำบากเป็นอุปสรรคขัดขวางความพยายามในการช่วยเหลือ
เมื่อวันอังคาร นายเฮนรี่ อัลไฟอันดี หัวหน้าสำนักงานค้นหาและช่วยเหลือแห่งชาติ (บาซาร์นาส) กล่าวว่า ความท้าทายก็คือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง จึงทำให้การช่วยเหลือต้องกระจายตัวออกไป ยิ่งไปกว่านั้น เหยื่อจำนวนมากเป็นเด็กที่อยู่ในโรงเรียนขณะที่เกิดแผ่นดินไหวขึ้น
แม้ว่าแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6 หรือ 7 จะเป็นเรื่องปกติในอินโดนีเซีย ซึ่งมักเกิดขึ้นนอกชายฝั่งซึ่งมีแนวรอยแยกของเปลือกโลก แต่แผ่นดินไหวขนาดความรุนแรงต่ำกว่าเมื่อวันจันทร์มีผลกระทบที่ร้ายแรงมากเนื่องจากกระทบแผ่นดินที่ความลึกค่อนข้างตื้น
เจ้าหน้าที่กล่าวว่าผู้เสียชีวิตจำนวนมากเสียชีวิตเมื่ออาคารที่ก่อสร้างไม่ดีพังทลายลง โดยประธานาธิบดีเรียกร้องให้มีการตรวจสอบและปรับปรุงอาคารที่อยู่อาศัยที่สามารถป้องกันแผ่นดินไหวได้
ประธานาธิบดีโจโก วิโดโดเดินทางไปยังที่เกิดเหตุเมื่อวันอังคารเพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่ในการกู้ภัยและช่วยเหลือผู้รอดชีวิต
'คำสั่งของผมคือการจัดลำดับความสำคัญของการช่วยเหลือผู้ที่ยังติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังเป็นอันดับแรก'
ผู้รอดชีวิตได้มารวมตัวกันในลานจอดรถของโรงพยาบาล ผู้บาดเจ็บบางคนต้องรับการรักษาในเต็นท์ ส่วนคนอื่น ๆ ต้องนอนรอบนทางเท้าขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ต้องเย็บแผลผู้ป่วยภายใต้แสงคบเพลิง เนื่องจากไฟฟ้าดับ
ภาพข่าวทางโทรทัศน์แสดงภาพผู้คนขุดดิน ด้วยมือ หรือใช้รองเท้า ไม้ชะแลงและเครื่องมืออื่น ๆเพื่อค้นหาญาติมิตร ที่อาจยังคงรอดชีวิต ตามซากอาคาร
ขณะที่ความพยายามในการช่วยเหลือมีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากไฟฟ้าดับในบางพื้นที่และอาฟเตอร์ช็อกที่ตามมาอีก 145 ครั้ง เจ้าหน้าที่เตือนว่าอาจเกิดแผ่นดินถล่มเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากเป็นฤดูฝนในชวาตะวันตก โดยฝนจะตกหนักสุดในเดือนธันวาคม จึงต้องคาดการณ์ถึงภัยพิบัติที่จะตามมา เช่นแผ่นดินถล่มซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายยิ่งขึ้น